บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา อนุมัติหลักการให้บริษัท ทีพีบีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท EDCAWI Limited (EDCAWI) ประเทศอังกฤษ และบริษัท Intelipac Australia PTY Limited (ITPA) โดยภายหลังการลงทุนดังกล่าว บริษัทย่อยจะเข้าถือหุ้นสามัญของ EDCAWI และ ITPA คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด ซึ่งแหล่งเงินลงทุนจะมาจากการกระแสเงินสดของบริษัท ทั้งนี้ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาภายในไตรมาส 3/61
สำหรับ EDCAWI ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เบเกอรี่ และห้างสรรพสินค้า ในประเทศอังกฤษ และธุรกิจซื้อมาขายไปผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติก เช่น ถุงหูหิ้ว ถุงหูหิ้วชนิด Reusable ถุงใส่ผักผลไม้ ฯลฯ ในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย ฮ่องกง และประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป
ส่วน ITPA ทำธุรกิจซื้อมาขายไปผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติก เช่น ถุงหูหิ้ว ถุงหูหิ้วชนิด Reusable ถุงใส่ผักผลไม้ ฯลฯ ในประเทศออสเตรเลีย
วัตถุประสงค์ของการลงทุนครั้งนี้ เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปยังผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน ,เพื่อขยายตลาดของผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกของกลุ่มบริษัทไปในทวีปยุโรป และออสเตรเลีย ตลอดจนสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่ากิจการของบริษัทและผู้ขาย และเพื่อนำผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษมาใช้ในการศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของบริษัท ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TPBI เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะใช้เม็ดเงินจากการระดมทุนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อปี 59 เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจให้แก่บริษัท
"การเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญของ EDCAWI และ ITPA นั้น จะทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกในตลาดยุโรปและออสเตรเลียเพิ่มเติม รวมถึงยังทำให้เราสามารถขยายฐานตลาดไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษที่สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ TPBI มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น"นายสมศักดิ์ กล่าว
TPBI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 15.84 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไร 33.59 ล้านบาทในไตรมาส 2/60 แต่เพิ่มขึ้นจากระดับกำไร 0.35 ล้านบาทในไตรมาส 1/61
ด้านนายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TPBI กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยมีรายได้รวม 1,248.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลจากความสำเร็จในการกำหนดยุทธศาสตร์ Transformation สินค้าในกลุ่ม General Packaging ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในการสั่งผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นและเริ่มทำกำไรให้แก่การดำเนินงานของบริษัทหลังจากที่ได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมถึงการนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิลมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของโลก นอกจากนี้ปัจจัยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรก ยังได้ช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 ปรับตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ตามปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าจากตลาดต่างประเทศ ที่เริ่มทยอยสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกับทาง TPBI ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดถึงยุทธศาสตร์การปรับตัวของบริษัทที่มาถูกทาง หลังจากได้ปรับกระบวนการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยแนวทางดังกล่าวจะทำให้ผลการดำเนินงานของ TPBI ค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ High Value Added ซึ่งมีกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค (Flexible Packaging) และกลุ่ม Multilayer Blown Film จะเข้ามาสนับสนุนการฟื้นตัวด้านผลการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ TPBI ได้เดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Multilayer Blown Film หลังเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 11,500 ตันต่อปี ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/61 และบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่เพิ่มกำลังการผลิตอีก 100 ล้านเมตรต่อปี จะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 3/61 จะช่วยสนับสนุนให้มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการสินค้าในกลุ่มดังกล่าวได้มากขึ้น