บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานในไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากขาดทุน 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 2/60 หนุนโดยการเติบโตของรายได้และฐานลูกค้าทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต รวมถึงรายได้จากการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ทีมีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้น 7.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมาที่ 2.58 หมื่นล้านบาท รวมทั้งกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF)
ส่วนรายการสำคัญในไตรมาสนี้ได้แก่ การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวม DIF ที่มีผลกระทบสุทธิต่อผลกำไรของกลุ่มทรู ราว 2.4 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ้งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าของสินทรัพย์
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการเหล่านี้เพื่อให้ผลประกอบการสามารถเทียบเคียงได้อย่างเหมาะสม กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจะเท่ากับ 456 ล้านบาทในไตรมาส 2/61 หนุนโดย EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 8% และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2/61 ฐานลูกค้าของทรูมูฟ เอช เพิ่มเป็น 28.1 ล้านราย โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 4.46 แสนราย ประกอบด้วยลูกค้าระบบรายเดือน 7.23 ล้านราย และลูกค้าระบบเติมเงิน 20.85 ล้านราย โดยรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเดือนเพิ่มข้นเป็น 213 บาท เทียบกับ 207 บาทในไตรมาส 1/61 และ 209 บาทในไตรมาส 2/60
ส่วนรายได้บรอดแบนด์ อินเตอร์เน็ตของทรูออนไลน์ เพิ่มขึ้น 15.6% จากไตรมาส 2/60 โดยในไตรมาส 2/61 มีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 8.5 หมื่นราย ทำให้มีฐานลูกค้าบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 ล้านราย และมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเดือนเป็น 618 บาท
ส่วนทรูวิชั่นส์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 14.4% จากไตรมาสเดียวกันขจองปีก่อนเป็น 3.5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จากการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 มีฐานลูกค้ารวมกว่า 4 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2/61 โดยมีจำนวนลูกค้าที่สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นสุทธิ 3.5 หมื่นรายเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 9.0 หมื่นรายเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 2.2 ล้านราย
อัราส่วนความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มทรูปรับตัวดีขึ้น มีอัตรากำไรสุทธิและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ในไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 16.4% และ 10.4% ตามลำดับ หากไม่รวมผลของธุรกรรมการขายสินทรัพย์ให้กองทุน DIF และค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานปกติ อัตรากำไรสุทธิและ ROE จะปรับตัวดีขึ้น เป็น 1.3% และ -1.1% ตามลำดับ
กลุ่มทรู สามารถชำระหนี้สินและปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาทางการเงิน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/61 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.6 เท่า หากไม่รวมผลกระทบจาก DIF เพื่อให้เปรียบเทียบการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม หนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเหลือ 2.5 เท่า ขณะที่อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้นเป็น 6.5 เท่า หนุนโดย EBITDA ที่เติบโต และกลุ่มทรู มีอัตราส่วนสภาพคล่องเท่ากับ 0.7 เท่า คงที่จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน