บมจ.พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) แจ้งผลการประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ในวันนี้ หลังจากที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" จากการที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินไตรมาส 2/61 โดยบริษัทยังไม่สามารรถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากยังรอผลพิพากษาคดีฟ้องร้องกับ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) คาดว่าศาลฯจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 ปี
สำหรับสาเหตุที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ศาลฎีกาได้มีคำพากษาให้บริษัทชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างของกิจการร่วมค้า พีอี-เพทแลน ให้แก่กรมสรรพากรเป็นจำนวน 251.7 ล้านบาท (คดีภาษีอากร) ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้กำหนดแนวทางในการชำระหนี้คดีภาษีอากร โดยให้บริษัทขายหุ้นสามัญที่ถือครองบางส่วนในบริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด (PIL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่กรมสรรพากร
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะดำเนินการขายหุ้น PIL แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.60 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาให้บริษัทชำระเงินค่างานให้แก่ NWR เป็นจำนวนเงิน 478.77 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 23 ก.ค.46 (คดีฟ้องเรียกค่างาน) ซึ่งคดีฟ้องเรียกค่างานยังไม่เป็นที่สุด
ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลล้มละลายกลาง ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.61 แต่ผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของบริษัท ดังนี้
1.บุคคลผู้ให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้น PIL ได้ยุติการขอเสนอซื้อหุ้น จากความไม่แน่นอนของผลคดีฟ้องเรียกค่างาน และ 2. การที่คดีฟ้องเรียกค่างานยังไม่เป็นที่สุด ทำให้บริษัทต้องรอผลคำพิพากษาอันเป็นที่สุดในคดีก่อน จึงจะกำหนดแนวทางการดำเนินการแก้ไข กรณีที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C"ได้
ทั้งนี้ นักลงทุนได้มีการสอบถามฝ่ายจัดการ ในเรื่องความคาดหมายว่าศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษจะมีคำพิพากษา ตามอุทธรณ์ของบริษัทเมื่อใดนั้น หากพิจารณาเทียบเคียงกับกรณีอื่น ๆ คาดว่าศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษจะใช้เวลาพิจารณาพิพากษาประมาณ 2 ปี นับจากวันที่บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ไป อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและในกระบวนพิจารณาของศาลเป็นสำคัญ ส่วนการดำเนินงานของบริษัทย่อยจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น บริษัทยืนยันว่าการดำเนินงานของบริษัทย่อยยังเป็นไปตามปกติ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ของบริษัท