บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม (NEP) แจ้งสรุปการประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) หลังจากที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" จากการที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินไตรมาส 2/61 โดยมีแผนเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และลดต้นทุนการดำเนินงาน ขณะที่อาจพิจารณาลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ลดพาร์) เพื่อแก้ไขปัญหาตามที่ผู้ถือหุ้นเสนอ นอกเหนือจากการสร้างผลกำไรที่อาจจะใช้เวลานาน
สำหรับแนวทางแก้ไขเพื่อให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ได้แก่ การเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ โดยในปี 60 บริษัทได้เปิดสายการผลิตใหม่ ได้แก่ สายการผลิตบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับบริษัท และในปี 61 บริษัทได้ขยายกำลังการผลิต Flexible Packaging จากการเพิ่มประเภทสินค้า ทำให้บริษัทมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ยอดขายสูงขึ้น มีขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง ซึ่งการขยายกำลังการผลิตดำเนินการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงกลยุทธ์การขายและแผนการตลาดใหม่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่
ตลอดจนมีพันธมิตรทางธุรกิจจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาจง เมื่อต้นปี 61 ทำให้บริษัท วาวาแพค จำกัด เข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจ ช่วยสนับสนุนการผลิตและแนะนำลูกค้าให้บริษัท นอกจากนี้บริษัทร่วม คือบมจ.นวนคร (NNCL) มีผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากการลงทุนเปิดโรงไฟฟ้า และ การเพิ่มรายได้จากสาธารณูปโภค ส่งผลให้บริษัทได้รับเงินปันผลและส่วนแบ่งกาไรเพิ่มขึ้น
ด้านการลดต้นทุนในการดำเนินงาน ได้แก่ บริษัทได้ปรับปรุงศักยภาพทางด้านการผลิต ทั้งสินค้ากระสอบพลาสติกและสินค้า Flexible Packaging เพื่อคุณภาพของสินค้า ลดต้นทุนการผลิต และลดของเสีย , ปรับโครงสร้างการจัดการใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กระชับและรวดเร็วขึ้น ,ปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท และกำหนดค่าตอบแทนใหม่ ให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัท และควบคุมค่าใช้จ่ายและงบประมาณด้านต่าง ๆ ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง
สำหรับทิศทางของบริษัทในอนาคตนั้น บริษัทดำเนินธุรกิจตามแนวทางต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ทำให้ผลการดำเนินงานปี 60 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น บริษัทจะยังดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ แต่จะเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ภายในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม Public Presentation วันนี้ ผู้ถือหุ้นต้องการให้บริษัทพิจารณาการลดพาร์ เพื่อแก้ไขปัญหาการขึ้นเครื่องหมาย "C" เนื่องจากการขึ้นเครื่องหมาย C มีผลให้ต้องซื้อขายหุ้นด้วยบัญชีเงินสด (cash balance) ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยค่อนข้างมาก โดยเห็นว่าการลดมูลค่าหุ้นน่าจะเป็นวิธีการที่รวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ บริษัทได้พิจารณาแนวทางการลดมูลค่าหุ้นเช่นกัน แต่เห็นว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน คือ การสร้างผลกำไร ซึ่งเข้าใจมุมมองของผู้ถือหุ้นว่าอาจจะใช้เวลานานกว่าจะแก้ไขปัญหาการขึ้นเครื่องหมาย C ได้ ดังนั้น บริษัทจะเร่งดำเนินการให้ถึง Break even โดยเร็วที่สุด และอาจจะพิจารณาวิธีการลดทุน โดยการลดมูลค่าหุ้นฯ ตามที่ผู้ถือหุ้นแนะนำโดยต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้านอย่างถี่ถ้วนแล้ว