บมจ.ไทยฟิลม์อินดัสตรี่ (TFI) แจ้งสรุปการประชุมเพื่อให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) หลังจากที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย "C" จากการที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินไตรมาส 2/61 โดยบริษัทวางแผนที่จะขายทรัพย์สินที่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในปี 62 รวมถึงปรับการบริหารจัดการ ลดค่าใช้จ่ายและภาระดอกเบี้ย เพื่อเพิ่มสัดส่วนของผู้ถือหุ้นให้มากขึ้น
TFI ระบุถึงแนวทางแก้ไขปัญหา โดยฝ่ายบริหารได้นาเสนอแนวทางแก้ไข ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัท ด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่กระทบต่อการดำเนินงาน ได้แก่ ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรเก่า เพื่อให้มีกำไรจากการขายทรัพย์สิน ,ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สิน เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าเบี้ยประกัน ค่าบำรุงดูแลรักษา เป็นต้น ตลอดจนลดภาระดอกเบี้ยจ่าย จากการนำเงินที่จำหน่ายทรัพย์สินไปชำระคืนหนี้ธนาคาร
ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการตามแนวทางการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในปี 62 ซึ่งเมื่อรวมกับการปรับการบริหารจัดการของฝ่ายบริหาร จะส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีอุปสรรคและความเสี่ยงจากความต้องการขายเครื่องจักรผลิตฟิล์มเก่าในตลาดโลกที่มีอยู่มาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการขายรวมถึงอาจเกิดผลขาดทุนจากการขายเครื่องจักรเก่า และทรัพย์สินบางรายการติดภาระจำนองธนาคาร ซึ่งต้องใช้เวลาในการเจรจาขอไถ่ถอนจากธนาคารด้วย
สำหรับสาเหตุที่บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 นั้น เนื่องจากในปี 58 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวรตามหลักเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ ทำให้บริษัทต้องปรับการบันทึกบัญชีมูลค่าเครื่องจักร จากเดิมบันทึกตามราคาประเมินเปลี่ยนมาเป็นบันทึกตามราคาทุน ส่งผลให้มูลค่าเครื่องจักรลดลง 243 ล้านบาท กระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงร้อยละ 12 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหักด้วยส่วนต่ามูลค่าหุ้น ตลอดจนได้รับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และภาวะการแข่งขันสูงของอุตสาหกรรมฟิล์มบรรจุภัณฑ์