บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) แจ้งว่าบริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทด้วยสัดส่วน 25.12% มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวรัชกิจประการในบริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการ การกำหนดนโยบาย และการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด โดยอำนาจในการบริหารจัดการบริษัทยังคงเดิม และรัชกิจ โฮลดิ้ง จะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทที่ 25.12% เช่นเดิม
ทั้งนี้ สมาชิกของครอบครัวรัชกิจประการ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง โดยการโอนหุ้นที่สมาชิกในครอบครัวถืออยู่ให้แก่กัน และให้แก่สมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้ถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง มาก่อน เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในครอบครัวรัชกิจประการ เพื่อรองรับการกำกับดูแลธุรกิจของครอบครัวในระยะยาว โดยรัชกิจ โฮลดิ้ง ยืนยันการคงสัดส่วนถือหุ้น 25.12% ในบริษัท โดยอำนาจการควบคุม และการบริหารจัดการบริษัทยังคงเหมือนเดิมทุกประการ
สมาชิกในครอบครัวได้โอนหุ้นเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ถือหุ้น 28% จากเดิม 1.75% ,นางฉัตรแก้ว คชเสนี ถือหุ้น 16% จากเดิม 2.51% ,นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ถือหุ้น 16% จากเดิม 21.78% ,นางสาวภัคจิรา รัชกิจประการ ถือหุ้น 12% จากเดิม 16.76%
ส่วนนางสาวจันทวรัจฉร์ จันทรศารทูล และนางสาวลภัสอร คชเสนี ไม่มีสัดส่วนการถือหุ้นคงเหลือ จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 42.91% และ 14.29% ตามลำดับ ขณะที่นายพิบูลย์ รัชกิจประการ จะเข้ามาถือหุ้น 16% และนางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ เข้ามาถือหุ้น 12%
ภายหลังการโอนหุ้น กลุ่มผู้ถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง ก่อนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และรัชกิจ โฮลดิ้ง จะยกเลิกความสัมพันธ์การเป็นกลุ่มบุคคลที่กระทำการร่วมกันตามกฎหมายหลักทรัพย์ (Acting in Concert) เกี่ยวกับการถือหุ้นในบริษัท และกลุ่มผู้ถือหุ้นในรัชกิจ โฮลดิ้ง ภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และรัชกิจ โฮลดิ้ง จะเริ่มต้นความสัมพันธ์การเป็นกลุ่มบุคคลที่กระทำการร่วมกันตามกฎหมายหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการถือหุ้นในบริษัท
ทั้งนี้ รายละเอียดการโอนหุ้น การยกเลิก และการเริ่มต้นความสัมพันธ์การเป็นกลุ่มบุคคลที่กระทำการร่วมกันตามกฎหมายหลักทรัพย์ จะปรากฎตามแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) ซึ่งจะยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป
รัชกิจ โฮลดิ้ง ได้แจ้งต่อบริษัทว่า รัชกิจ โฮลดิ้ง และกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ตามมาตรา 247 แห่งพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) ตามที่รัชกิจ โฮลดิ้ง และกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันหน้าที่การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการจากสำนักงาน ก.ล.ต. เนื่องจากการปรับโครงสร้างการกถือหุ้นครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการควบคุมบริษัทแต่อย่างใด
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTG ย้ำว่า การบริหารงาน ทิศทางการกำหนดนโยบาย และการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเหมือนเดิม ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของสมาชิกในครอบครัวเป็นการดำเนินการปกติเพื่อความเหมาะสมในครอบครัว และทางครอบครัวขอยืนยันความเหนียวแน่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยบริษัทยังคงมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 61 ในการเดินหน้าเปิดสาขาสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจี เพื่ออยู่ที่ 1,900 สาขา ในช่วงสิ้นปี โดยจะเน้นการขยายสาขาเฉพาะในพื้นที่ ซึ่งยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากปริมาณการขายที่เติบโตอยู่ที่ 14% มากกว่าอัตราการเติบโตในภาพรวม ซึ่งอยู่ที่ 8%
อีกทั้งจะเพิ่มการให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจนอนออยล์ ด้วยการวางแผนขยายจำนวนสาขาของธุรกิจนอนออยล์ให้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs ส่วนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ขณะนี้เริ่มการรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/61 แล้ว และคาดว่ากำไรในปี 61 จะอยู่ที่ 40 ล้านบาท และปี 62 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ระดับ 240-280 ล้านบาท ซึ่งในปี 62 บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจนอนออยล์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20-25%