บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1.05 พันล้านบาท จากเดิม 836.03 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 209 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งจัดสรรหุ้น 104.5 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อและรับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนวันที่ 26-30 พ.ย.61
นอกจากนี้ จะจัดสรรหุ้น 104.5 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ที่บริษัทจะออก EPCO-W3 จำนวนไม่เกิน 104.5 ล้านหน่วย อายุไม่เกิน 2 ปี ให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ในสัดส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุนใหม่ต่อ 1 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 5 บาท
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ประมาณ 344.86 ล้านบาท และเงินเพิ่มทุนโดยการใช้สิทธิ EPCO-W3 ประมาณ 522.52 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เพิ่มเงินทุนให้เพียงพอต่อการขยายงานในอนาคต และรองรับการลงทุนของบริษัท และบริษัทย่อย
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ EPCO เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทุนให้เพียงพอต่อการเตรียมขยายงานทั้งโรงไฟฟ้าและสิ่งพิมพ์ในอนาคต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาวด้วย ทั้งนี้ กำหนดเปิดให้จองซื้อและรับชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย.61 โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 8 พ.ย.61 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 26-30 พ.ย.61 (5 วันทำการ)
นายยุทธ กล่าวอีกว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อให้เกิดความเติบโตและยั่งยืน โดยยังคงเดินหน้าศึกษาธุรกิจเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ถือเป็น Recurring Income ที่สร้างรายได้ และกำไรอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี
ปัจจุบัน บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นลูกที่ EPCO ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในปี 62 คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ครบ 435.50 เมกะวัตต์ ไม่รวมโครงการต่าง ๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ และสำหรับแนวโน้มผลการดำเนินการในปีนี้ยังคาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นและมีนัยสำคัญเมื่อเทียบย้อนหลังในหลายปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่า 40% ส่วนกำไรก็คาดว่าจะเติบโตแบบทวีคูณจนสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ กำหนดเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 31 ต.ค.61 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 26 ก.ย.61