บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (14 ก.ย.) อนุมัติให้บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และบริษัทเข้าทำสัญญาระงับข้อพิพาทและให้บริการเกี่ยวกับเสาโทรคมนาคม และสัญญาการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมกับบมจ.กสท โทรคมนาคม (กสท.) โดยคู่สัญญาต่างได้เข้าลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้วในวันนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถให้บริการกับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องภายหลังสิ้นสุดสัญญาให้ดำเนินการ และระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมที่มีอยู่กับ กสท.
สำหรับสาระสำคัญของสัญญาระงับข้อพิพาทและให้บริการเกี่ยวกับเสาโทรคมนาคม บริษัทจะทำการโอนกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมที่บริษัทได้จัดหามาตามสัญญาให้ดำเนินการให้บริการวิทยุโทรคมนาคมระบบเซลลูล่าร์ระหว่าง กสท. และบริษัท (สัญญาให้ดำเนินการ) คืนให้แก่ กสท. โดย กสท.ตกลงที่จะระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมทั้งหมด และให้บริษัท และดีแทค ไตรเน็ต ใช้บริการพื้นที่เสาโทรคมนาคมเหล่านั้นเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ดีแทค ไตรเน็ต จะเป็นผู้ให้บริการพื้นที่และบำรุงรักษาเสาโทรคมนาคมดังกล่าวเป็นระยะเวลาขั้นต้น 8 ปี โดยมีสิทธิขอขยายระยะเวลาอีกคราวละ 3 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งนี้ ดีแทค ไตรเน็ต จะจ่ายค่าบริการชำระล่วงหน้าจำนวน 3,266 ล้านบาท ณ วันลงนามในสัญญาและจะชำระค่าบริการเสาโทรคมนาคมรายเดือนให้กับ กสท.รวมเป็นเงินจำนวนประมาณ 1,689 ล้านบาท/ปี
ส่วนสัญญาการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมนั้น ดีแทค ไตรเน็ต จะขอใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมจาก กสท. ภายใต้สัญญาการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม ซึ่งมีระยะเวลา 8 ปี โดยมีระยะเวลาการใช้บริการขั้นต่ำของแต่ละอุปกรณ์แตกต่างกันในช่วง 1-3 ปีขึ้นอยู่กับประเภทและลักษณะการใช้งานของอุปกรณ์ และดีแทค ไตรเน็ต มีสิทธิในการขยายระยะเวลาได้อีกคราวละ 1 ปี
ทั้งนี้ จำนวนเงินสูงสุดที่ดีแทค ไตรเน็ตจะต้องจ่ายให้กับ กสท. เป็นค่าตอบแทนการใช้ในส่วนของระบบสื่อนำสัญญาณและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องคิดเป็นเงินประมาณ 810 ล้านบาทต่อปี และอุปกรณ์โทรคมนาคมภายใต้สัญญาให้ดำเนินการ คิดเป็นเงินประมาณ 226-790 ล้านบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวภายหลังสัญญาให้ดำเนินการสิ้นสุดลง
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ DTAC กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงซึ่งนำมาสู่การลงนามสัญญาในครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ครั้งแรกของวงการโทรคมนาคมไทย และเพื่อลูกค้าดีแทค ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างสูงที่ข้อตกลงทั้ง 2 สัญญา ระหว่างดีแทค และกสท.ได้ร่วมลงนามก่อนหมดสัมปทาน ต่อไปนี้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นพันธมิตรร่วมกันในเชิงกลยุทธ์เสริมสร้างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยต่อไป โดยข้อตกลงทั้ง 2 สัญญายังก่อให้เกิดความชัดเจนในการประกอบธุรกิจของทั้งสองฝ่ายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หมดความเสี่ยงและทำให้ใช้งานเสาโทรคมนาคมและอุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง ดีแทค และ กสท. พร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเป็นพันธมิตรดูแลโครงข่ายหรือโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมสู่อนาคต
โดยลูกค้าดีแทคสามารถมั่นใจในการใช้งานหลังหมดสัมปทาน ซึ่งมิตรภาพและความร่วมมือดังกล่าวได้ส่งผลประโยชน์ต่อกลุ่มลูกค้าและอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมากที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทาน
"จากข้อตกลงระงับข้อพิพาทดีแทคจะทำการโอนเสาโทรคมนาคมที่สร้างไว้ระหว่างสัมปทานให้กับกสท. และกสท. จะให้ดีแทค ไตรเน็ต ใช้บริการเสาโทรคมนาคมดังกล่าวจำนวน 8,815 แห่งทั่วประเทศ โดยดีแทค ไตรเน็ต จะชำระค่าขอใช้เสาโทรคมนาคมล่วงหน้า ณ วันลงนามในสัญญาให้กับกสท.เป็นจำนวนรวมประมาณ 3,200 ล้านบาท และจะชำระค่าบริการทั้ง 2 สัญญามูลค่ารวม 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยสัญญามีระยะยาวขั้นต้น 8 ปีและสามารถต่ออายุได้"นางอเล็กซานดรา กล่าว
ด้านพันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของกสท. กล่าวว่า การลงนามในสัญญาในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทานคลื่นความถี่ที่ร่วมธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน และจะได้พลิกสู่บทบาทใหม่ไปสู่ความร่วมมือที่เป็นพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ต่อเนื่อง
สัญญาดังกล่าวยังทำให้เสาโทรคมนาคมซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีความสำคัญของประเทศและอุปกรณ์โครงข่ายโทรคมนาคมภายใต้สัญญาสัมปทานซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของประเทศให้สามารถนำมาใช้โดยเกิดประโยชน์ทั้งในการด้านการให้บริการแก่ประชาชนและการสร้างรายได้เพื่อนำมาพัฒนาองค์กรและประเทศในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของชาติ สำหรับข้อตกลงในสัญญากสท. จะให้ดีแทค ไตรเน็ต เป็นผู้ดูแลรักษาเสาโทรคมนาคมทั้งหมด เพราะเป็นผู้ที่ดำเนินการติดตั้งจึงมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการสื่อสาร และยังมีประสบการณ์โดยตรงในการดูแลเสาโทรคมนาคมดังกล่าวมามากกว่า 20 ปี
"ครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดภาพรวมของธุรกิจและสร้างรายได้ใหม่ให้กับ กสท.ที่ผ่านมาเราเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลและโทรคมนาคมชั้นนำของชาติ ซึ่งประกอบกิจการโทรคมนาคมและให้บริการทางด้านโทรคมนาคมหลากหลายรูปแบบ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การให้บริการเสาและอุปกรณ์โทรคมนาคมในครั้งนี้จึงเป็นแนวทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายร่วมกันอย่างลงตัว รวมทั้งประชาชนและประเทศชาติ" พันเอก สรรพชัย กล่าว