บมจ. นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SPC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ จำหน่ายหุ้นสามัญที่ SPC ถือในบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด (SPTV) คิดเป็นสัดส่วน 90.1% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SPTV (ซึ่งปัจจุบันเท่ากับ 90,100,000หุ้น) ให้แก่บมจ. ทีวี ไดเร็ค (TVD) ซึ่งเป็นการทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
SPC จะได้รับชำระค่าตอบแทนการขายหุ้นที่ซื้อขายจาก TVD ในราคาหุ้นละประมาณ 10.54 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 949.22 ล้านบาท โดย TVD จะชำระเงินสดให้แก่ SPC เป็นรายเดือน เป็นจำนวน 7.655 ล้านบาทต่อเดือน จนถึงวันสิ้นอายุใบอนุญาตกิจการโทรทัศน์ฯ (วันที่ 24 เมษายน 2572)
นอกจากนี้ SPC จะได้รับชำระค่าบริการผลิตรายการข่าวสารและสาระจาก TVD เดือนละ 1.055 ล้านบาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 130.82 ล้านบาท โดย TVD จะต้องชำระค่าบริการดังกล่าวเป็นรายเดือนจนถึงวันสิ้นอายุใบอนุญาตกิจการโทรทัศน์ฯ (วันที่ 24 เมษายน 2572) ไม่ว่าในกรณีใดๆ TVD หรือ SPTV จะให้สิทธิแก่ SPC ในการขายโฆษณาในช่วงเวลารายการดังกล่าวในสัดส่วน 30% ของระยะเวลาที่สามารถโฆษณาได้สำหรับช่วงเวลารายการดังกล่าว (สัดส่วนเวลาที่เหลืออีกร้อยละ 70 จะเป็นของ TVD ในนาม SPTV) เช่น เวลาออกอากาศ 1 ชั่วโมง จะมีช่วงเวลาโฆษณา 10 นาที โดย SPC มีสิทธิขายโฆษณาได้ 3 นาที และส่วนที่เหลืออีก 7 นาที เป็นสิทธิของ TVD ในนาม SPTV
การขายหุ้น SPTV ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น จากการดำเนินธุรกิจประกอบกิจการโทรทัศน์เป็นผู้ให้บริการเนื้อหา (Content Provider) ซึ่งจะเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจประกอบกิจการโทรทัศน์ในการเป็นผู้ให้บริการเนื้อหาและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การขายหุ้น SPTV จะทำให้บริษัทฯ ไม่มีบริษัทย่อยที่มีสถานะเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายโฆษณาด้วยการเช่าช่วงเวลาออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น และให้บริการผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น โดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทย่อย นอกจากนี้ การผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นที่มีอันดับความนิยมสูงย่อมส่งผลต่อรายได้จากการขายโฆษณาที่สูงขึ้น
อีกทั้งกำจัดความเสี่ยงจากการไม่ต่ออายุสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง SPC และ TVD หรือยกเลิกสัญญาดังกล่าวก่อนกำหนด ซึ่งจะทำให้บริษัทย่อยขาดรายได้และกระแสเงินสดในการประกอบกิจการโทรทัศน์
บริษัทฯ จะได้รับกระแสเงินสดรวมเดือนละ 8.71 ล้านบาท อย่างต่อเนื่องตลอดอายุใบอนุญาตโทรทัศน์ฯ ซึ่งคิดเป็นระยะเวลา 124 เดือน ซึ่งเป็นรายได้ที่มีความแน่นอน เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ และชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ ของกลุ่มบริษัทฯ
บริษัทฯ อาจจะรับรู้กำไรทางบัญชีจากการจำหน่ายเงินลงทุนในงบการเงินรวมของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาบันทึกโอนกลับขาดทุนการด้อยค่าใบอนุญาตกิจการโทรทัศน์ฯ และกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน
ที่ประชุมฯ ยังได้อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 149,530,870,699 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 281,961,297,580 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 132,430,426,881 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ จำนวน 149,530,870,699 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ หุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 และรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 5 (NEWS-W5) และพิจารณาอนุมัติการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4 เรื่องทุนจดทะเบียน เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ดังกล่าว
ภายหลังการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 132,430,426,881 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 132,430,426,881 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 67,887,511,111 หุ้น และ (2) หุ้นสามัญคงเหลือซึ่งจัดสรรไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 4 (NEWS-W4) ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2557 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 1,622,689,100 หุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 6 (NEWS-W6) ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 จำนวน 62,920,226,670 หุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังไม่ได้ตัดหุ้นสามัญของบริษัทฯ ที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ ที่ออกไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 6 (NEWS-W6) ซึ่งเกินกว่าจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 6 (NEWS-W6) จำนวน 14,570,700,020 หน่วย ซึ่งมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญของบริษัทฯ เนื่องจากสำรองไว้ในกรณีมีการปรับสิทธิในอนาคต (หากมี)
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 67,887,511,111 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 132,430,426,881 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 200,317,937,992 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 67,887,511,111 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับ (1) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 0.01 บาท
และ (2) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และพิจารณาอนุมัติการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4 เรื่องทุนจดทะเบียน เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่า จะดำเนินการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ภายในเดือนธันวาคม 2561
ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ข้างต้น บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นที่เหลือดังกล่าวให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)