CK เผย 4 ผู้รับเหมาช่วงเลื่อนชำระเงินกู้ยืมราว 1พันลบ.ออกไปอีก

          บมจ. ช.การช่าง (CK) แจ้งเกี่ยวกับ กิจการร่วมค้า กลุ่มบริษัท ซีเคเออี คอนซอร์เตียม (CKAE) ให้กู้ยืมแก่ผู้รับเหมาช่วงและรายการเงินให้กู้ยืมระยะยาวที่กิจการร่วมค้า ซีเคอีที ให้กู้ยืมแก่บริษัทอื่นว่า เนื่องจาก บริษัท โมเดิร์น คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด (MCM) และบริษัท เบสท์ แพลน เทคโนโลยี่ จำกัด (BPT) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้า CKAE ได้มีจดหมายแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ที่มีกับ CKAE เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2550 และ 27 พฤศจิกายน 2550 ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขึ้นของวัสดุก่อสร้าง และโครงการก่อสร้างภายในปี 2550 ลดลงอย่างมาก 
          ทั้งนี้ภาระเงินกู้สำหรับเงินต้นที่คงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 MCM มีภาระเงินต้นคงเหลือ 54.8 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงค้าง 0.1 ล้านบาท และ BPT มีภาระเงินต้นคงเหลือ 209.7 ล้านบาท และดอกเบี้ยคงค้าง 43.5 ล้านบาท จากกำหนดเดิมที่ต้องชำระคืนทั้งจำนวนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เป็นขอชำระคืนทั้งจำนวน ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2551
          อีกทั้ง บริษัทระยอง เรียลเอสเตท จำกัด (RY) และบริษัท ไพรเวท อินเตอร์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (PIC) ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ยืมของกิจการร่วมค้า  ซีเคอีที (CKET) ได้มีจดหมายแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ที่มีกับ CKET เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปี 2550 ทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนงาน จึงทำให้การชำระหนี้ดังกล่าวต้องล่าช้าออกไป 
          ทำให้รายการเงินกู้ยืมแก่ผู้รับเหมาช่วงและรายการกู้ยืมระยะยาวแก่บริษัทอื่นที่ถึงกำหนดชำระคืนภายในหนึ่งปีในหมายเหตุประกอบเงินของบริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติตามที่เปิดเผยได้ โดยจากการปฏิบัติของทั้งสี่บริษัทที่ได้ทยอยชำระดอกเบี้ยจ่ายและเงินต้นบางส่วนคิดตามสัดส่วนการร่วมค้าของบริษัทฯ 746.90 ล้านบาท ให้แก่ CKET เป็นเงินจำนวน 217.4 ล้านบาท และ CKAE เป็นเงินจำนวน 529.5 ล้านบาท มาโดยตลอด อีกทั้ง RY ได้เสนอขอขายที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้ที่มีกับ CKET เพื่อหักกลบลบหนี้เงินกู้หาก CKET เร่งรัดการชำระคืนเงินกู้ตามกำหนดการเดิม 
          และจากเหตุผลของทั้งสี่บริษัทฯ ที่แจ้งให้แก่ CKET และ CKAE อีกทั้งเงินกู้ดังกล่าวมีหลักประกัน ซึ่งคณะกรรมการของ CKAE และ CKET ได้พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระคืนให้แก่ทั้งสี่บริษัทเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2550 และ 11 ธันวาคม 2550 ตามลำดับ ตามที่ได้มีหนังสือแจ้งขอเนื่องจากเห็นว่ายังมีโอกาสชำระหนี้ได้ และกิจการร่วมค้าทั้งสองก็ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ ครั้งที่18/2550 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2550 เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว