NPPG จะซื้อกิจการธุรกิจแฟรนไชส์ "คิทเช่น พลัส"-"บ้านครัวไทย"พร้อมทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สิน มูลค่า 80 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 12, 2018 09:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) (NPPG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สิน กับ บริษัท คิทเช่น พลัส 999 จำกัด (สัญญาซื้อขายทรัพย์สิน) ซึ่งในการเข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินดังกล่าว ผู้ซื้อจะได้สิทธิในการเป็นเจ้าของกิจการ ร้านอาหาร คิทเช่น พลัส และ บ้านครัวไทย สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาแฟรนไชส์กิจการ ร้านอาหาร คิทเช่น พลัส และ บ้านครัวไทย ในฐานะเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ ที่ทำกับผู้ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ รวมถึง สินทรัพย์ สิทธิและหน้าที่อื่น ๆ ตามสัญญาที่เกี่ยวข้อง (ธุรกรรมการซื้อกิจการแฟรนไชส์) ในราคาซื้อขาย 80 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมุลค่าเพิ่ม)

ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่จะซื้อขาย ได้แก่ 1) ร้านอาหารคิทเช่น พลัส ที่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายดำเนินกิจการด้วยตัวเอง จำนวน 11 สาขา 2) สิทธิและหน้าที่ทั้งหมดของผู้ขาย (บริษัท คิทเช่น พลัส 999 จำกัด) ภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ในฐานะเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารคิทเช่น พลัส และ ร้านอาหารบ้านครัวไทย (สัญญาแฟรนไชส์) ที่ผู้ขายเข้าทำกับผู้ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ ทั้งหมดจำนวน 52 สาขา ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ 3) เครื่องหมายการค้าบริการ ภายใต้ชื่อ "คิทเช่น พลัส"หรือ "Kichen Plus" 4) ระบบครัว เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่ง และเครื่องมือเครื่องใช้ ที่ใช้ในร้านอาหารคิทเช่น พลัส และ ร้านอาหารบ้านครัวไทย

ในปี 61 จำนวนสาขาทั้งหมดเป็นร้านอาหารที่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายดำเนินกิจการด้วยตนเองจำนวน 11 สาขา และร้านอาหารภายใต้สิทธิแฟรนไชส์ จำนวน 52 สาขา คาดรายได้จากร้านอาหารที่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายดำเนินกิจการด้วยตนเองจำนวน 44 ล้านบาทต่อปี อ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังของร้านอาหารคิทเช่นพลัส และผลการตรวจสอบกิจการด้านบัญชีและการเงิน ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดการภายใต้สิทธิแฟรนไชส์ จำนวน 12 ล้านบาทต่อปี อ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังของร้านอาหารคิทเช่น พลัส และผลการตรวจสอบกิจการด้านบัญชีและการเงิน และมีกระแสเงินสดอิสระ เฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 22.28 ล้านบาทต่อปีอ้างอิงจากข้อมูลย้อนหลังของร้านอาหารคิทเช่น พลัสและผลการตรวจสอบกิจการด้านบัญชีและการเงิน และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 12.25%

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนที่บริษัทใช้มาจากเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ได้อนุมัติไว้เป็นเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในอนาคตมาใช้ในการเข้าทำธุรกรรมการซื้อกิจการแฟรนไชส์ร้านอาหารดังกล่าว จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด

การเข้าซื้อครั้งนี้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่บริษัทได้วางแผนไว้ที่จะเน้นสร้างแบรนด์ร้านอาหารที่มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพสูง และบริหารแฟรนไชส์อย่างมืออาชีพ และช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่อง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน การดำเนินธุรกิจในระยะยาวให้กับบริษัท อีกทั้งช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นของบริษัท และเงินปันผลจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ