ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์บมจ.โอสถสภา ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ OSP เข้าซื้อขายใน SET ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขายวันที่ 17 ต.ค.61 มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 3,003,750,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 3,003,750,000 บาท
บริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 603,750,000 หุ้น แบ่งเป็น หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 506,750,000 หุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 97,000,000 หุ้น โดยหุ้น IPO ดังกล่าว จัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป 600,750,000 หุ้น และจัดสรรให้กับพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อย (ESOP) จำนวน 3,000,000 หุ้น โดยเสนอขายที่หุ้นละ 25 บาท ระหว่างวันที่ 1-10 ต.ค.61
OSP เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังภายใต้ ตราสินค้า เช่น เอ็ม-150 ลิโพ เป็นต้น เครื่องดื่มเกลือแร่ และกาแฟพร้อมดื่ม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลภายใต้ตราสินค้าเบบี้มายด์ และทเวลฟ์พลัส นอกจากนี้ ยังให้บริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน ได้แก่ บริการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายสินค้าให้กับบุคคลภายนอก และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ ลูกอมภายใต้แบรนด์ โอเล่ และโบตัน
การเสนอขายหุ้น IPO ของ OSP ครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าระดมทุนในส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุน 12,668.75 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 75,093.75 ล้านบาท โดยมีบล.บัวหลวง และบล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.โอสถสภา เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "OSP" ในวันที่ 17 ต.ค.61
นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ OSP เปิดเผยว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เป็นการเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ต้องการผลักดันการเติบโต และรักษาความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในภูมิภาคนี้ และด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 127 ปี ทำให้บริษัทมีจุดแข็งด้านแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่หลากหลาย ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในวงกว้าง จึงช่วยเสริมความแข็งแกร่งอีกทางหนึ่งให้บริษัทเติบโตย่างยั่งยืน
OSP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ นายนิติ โอสถานุเคราะห์ 20.78% Orizon Limited 17.88% และ Merrill Lynch Singapore Pte.Ltd 7.04% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (bookbuilding) ซึ่งเป็นวิธีการสอบถามปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของผู้ลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา โดยการตั้งช่วงราคา (price range) คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) ที่ 29.51 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2560 ถึงไตรมาส 2 ปี 2561) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.85 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนด