บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 11/2561 เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) มีมติให้บริษัท ดับบลิวพี แก๊ส จำกัด (บจก.ดับบลิวพี แก๊ส) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในบริษัท ไทยแก๊ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้จำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของไทยแก๊สฯ รวมคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ในราคาทั้งสิ้น 168.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ จะเป็นการซื้อจากผู้ขายรวม 4 ราย ได้แก่ นายธาตรี เหล่าศิริชน ,นายนภสิทธิ์ อภิปุญญา ,นางฐานิตา อภิปุญญา และนายวีรพงษ์ เหล่าศิริชน ซึ่งทั้ง 4 รายไม่มีความสัมพันธ์ที่เข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัท
บจก.ดับบลิวพี แก๊ส จะเข้าลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขาย ภายหลังที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 11/2561 และจะชำระค่าหุ้นด้วยเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ/หรือเงินเพิ่มทุนและ/หรือเงินกู้ยืมจากบริษัท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท และ/หรือบจก. ดับบลิวพี แก๊ส ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการรับโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 1/62
ณ วันที่ 29 ต.ค.61 บริษัท ไทยแก๊ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท และมีแผนจะเพิ่มทุนอีก 6.8 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น โดยภายหลังการเพิ่มทุนจะทำให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 136.8 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงาน ไทยแก๊สฯ มีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจจำหน่าย LPG อยู่ที่ลำดับที่ 7 ของประเทศ ขณะที่ไทยแก๊สฯ มีคลังเก็บและบรรจุก๊าซ LPG ตั้งอยู่บนที่ดินที่เช่าจากการนิคมอุตสาหกรรมพิจิตรประมาณ 10 ไร่ และมีบริษัทย่อย ชื่อบริษัท พรีเมียร์ แคร์ริเออร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริการขนส่งแก๊สและเชื้อเพลิง โดยไทยแก๊สฯ ถือหุ้น 100%
คณะกรรมการของบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่าการเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นไทยแก๊สฯดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการขยายธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัท และจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทโดยจะส่งผลให้บริษัทมีคลังในการเก็บสำรองก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในทันที และด้วยจังหวัดพิจิตรซึ่งเป็นสถานที่ตั้งคลังเก็บก๊าซ LPG ของไทยแก๊สฯเป็นพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ในภาคเหนือตอนล่างซึ่งจะประโยชน์กับบริษัทในการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ในภาคเหนือตอนล่าง นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการประสานทำงานร่วมกัน (synergy) ซึ่งจะนำไปไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในที่สุด
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ WP กล่าวว่า ไทยแก๊สฯมียอดขายประมาณ 83,000 ตัน/ปี และมีคลังเก็บและบรรจุก๊าซ LPG ขนาดความจุ 1,800 ตัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีคลังในการเก็บสำรองก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที นอกจากนี้สถานที่ตั้งคลังเก็บ LPG ของไทยแก๊สฯ ที่จังหวัดพิจิตรนั้น ยังคงมีที่ว่างเหลืออยู่ ซึ่งกลุ่มบริษัทมีแผนจะเพิ่มความจุของคลังดังกล่าวให้เป็น 2,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเช่าคลังเพื่อฝากสำรองทางกฎหมายลดลงได้อีกพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแบรนด์ "ไทยแก๊ส"จะยังคงอยู่ และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
"การเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัท ทั้งอัตราการเติบโตของทรัพย์สิน ผลกำไร และกระแสเงินสด ที่สำคัญถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท และผู้ถือหุ้นในระยะยาว และการเข้าทำรายการดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการสถานการณ์การเติบโตของความต้องการใช้ก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยบริษัทยังคงเดินหน้าต่อไปในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดรายได้และสร้างฐานธุรกิจของบริษัทให้แข็งแกร่งและมั่นคงต่อไปในอนาคต"นางสาวชมกมล กล่าว