บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) มีมติขายหุ้นทั้ง 100% ในบริษัท บุญเอนก จำกัด ซึ่งทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และเกษตรกรรมปลูกมันสำปะหลัง และพืชพลังงานอื่น ให้แก่ บริษัท ทรัพย์สมบัติใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยง ในราคามูลค่าตามบัญชีตามงบการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 ก.ย.61 เท่ากับ 514.59 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการทำรายการจะเกิดขึ้นภายในเดือน พ.ย. 61 เพื่อนำเงินไปชำระค่าหุ้นสามัญของบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ให้แก่ผู้ขาย ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2557 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 28 พ.ย.57 และเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท
สำหรับเงื่อนไขสำคัญของสัญญานั้น ในวันลงนามสัญญาซื้อขายผู้ซื้อชำระเงินมัดจำค่าหุ้นของบุญเอนกให้แก่บริษัท จำนวน 50 ล้านบาท และกำหนดวันโอนหุ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค.62 ขณะที่บริษัทมีสิทธิที่จะไม่โอนหุ้นของบุญเอนกให้แก่ผู้ซื้อ หากการโอนหุ้นดังกล่าวทำให้ขาดการดำรงสภาพสถานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือมีสภาพการเป็น CASH COMPANY ทั้งนี้ หากการโอนหุ้นจะก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวให้แก่บริษัทภายในวันโอนหุ้น ผู้ซื้อจะขยายระยะการโอนหุ้นออกไปคราวละ 1 ปี จนกว่าจะสามารถโอนหุ้นได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทเห็นว่าการขายหุ้นในบุญเอนก จะทำให้บริษัทถือครองทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งสามารถนำไปบริหารให้เกิดประโยชน์ และ/หรือใช้เป็นเงินทุนและ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับไปชำระค่าหุ้นส่วนที่ 2 ของ SSUT ในสัดส่วน 15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 646.25 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากเงินทุนที่คาดว่าจะได้รับจากการขายหุ้นบุญเอนก จำนวน 514.59 ล้านบาทแล้ว บริษัทจะกู้ยืมจากบุคคลหรือจากสถาบันการเงินหรือการเพิ่มทุนหรือแหล่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
เมื่อขายหุ้นในบุญเอนกและชำระค่าหุ้นของ SSUT ครบถ้วนแล้ว บริษัทจะมีรายได้มาจากเงินปันผลเงินลงทุนในหุ้น SSUT สัดส่วน 40% ทั้งนี้บริษัทยังคงศึกษาการลงทุนในด้านพลังงานทดแทนอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง เมื่อปี 57 EE ได้เข้าซื้อหุ้น 40% ใน SSUT ซึ่งประกอบกิจการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กและไอน้ำในโครงการโรงไฟฟ้าบางปูโคเจนเนอเรชั่น ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 240 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งการชำระเป็น 2 งวด โดยงวดแรกชำระสำหรับการซื้อหุ้น 25% และงวดที่ 2 ชำระสำหรับการซื้อหุ้นอีก 15%