บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ (WIIK) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 พ.ย. อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณายกเลิกการเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 149.98 ล้านหุ้น และลดทุนจดทะเบียนโดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่าย หลังจากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 499.92 ล้านบาท จากเดิม 374.94 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 124.98 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 2 (WIIK-W2)
ทั้งนี้ บริษัทจะออก WIIK-W2 จำนวนไม่เกิน 124.98 ล้านหน่วย จัดสรรให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วย อายุไม่เกิน 3 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท
การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพื่อเป็นการขยายฐานทุนของบริษัท สำหรับการลงทุนในโครงการ หรือธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบัน และ/หรือธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี
นายวิบูลย์ แสงวิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ WIIK กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิจำนวน 1.13 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิจำนวน 20.60 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อนจำนวน 19.47 ล้านบาทหรือคิดเป็น 94.51% ด้วยปัจจัยจากธุรกิจผลิตและติดตั้งท่อได้รับผลกระทบจากการชะลอการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการงานต่าง ๆ รวมทั้งราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถควมคุมได้
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีงานที่ยังรอส่งมอบ (BAcklog) จำนวน 626.82 ล้านบาท ประกอบด้วยงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบจากธุรกิจท่อและติดตั้งท่อจำนวน 511.88 ล้านบาท และจากธุรกิจบริหารจัดการน้ำ 114.94 ล้านบาท (ส่วนที่รับรู้รายได้ภายใน 1 ปี) ส่วนสถานการณ์ของตลาดท่อก็เริ่มดีขึ้นจากการทยอยประกวดราคางานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับงานวางท่อในพื้นที่ระเบียงเศรฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีปริมาณงานวางท่อที่คาดว่าผู้รับจ้างจะทำสัญญากับภาครัฐในไตรมาส 4 ปีนี้ และในไตรมาส 1/62 มากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทน่าจะได้ประโยชน์ที่สุดในด้านการขนส่ง
ตามที่บริษัทได้วางแผนการสร้างรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้และผลการดำเนินงานที่มั่นคง จะเห็นได้ว่าบริษัทมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/60 จำนวน 47.39 ล้านบาทหรือคิดเป็น 191.71% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของงานรับจ้างติดตั้งระบบผลิตน้ำประปาและงานก่อสร้างระบบบำบัดน้ำ แบบ Turnkey นอกจากนั้นบริษัทยังมีสัญญาการบริหารจัดการน้ำระยะยาวที่จะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทุกปี