ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.เจ้าพระยามหานคร ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ CMC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 19 พ.ย.61 มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 1,000 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3 บาท ระหว่างวันที่ 8-13 พ.ย.61
CMC ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่มดังนี้ 1. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว โดยเน้นพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเป็นหลัก และส่วนใหญ่อยู่ในทำเลตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้ชื่อแบรนด์ "แบงค์คอก ฮอไรซอน" "แบงค์คอก เฟ’ลิซ" และ "ชาโตว์ อินทาวน์" 2. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อใหเช่า และ 3. รับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และผนัง
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับบมจ. เจ้าพระยามหานคร เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ด้วยเกณฑ์ Market Capitalization โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CMC" ในวันที่ 19 พ.ย.61
ปัจจุบัน CMC มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการมูลค่าประมาณ 4,100 ล้านบาท โครงการระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 10 โครงการที่คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท
CMC เสนอขายหุ้น IPO) 250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 750 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,000 ล้านบาท โดยมีบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและรับหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกันกับบล.คันทรี่ กรุ๊ป
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ CMC เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปลงทุนพัฒนาโครงการในอนาคต ทั้ง 10 โครงการ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ตลอดจนชำระหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันต้นทุนทางการเงินเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับบริษัท โดยคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินและยกระดับผลประกอบการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น
CMC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1.กลุ่มแพทยานันท์ ถือหุ้นรวม 75.43% 2.กองทุนภายใต้การบริหารของบลจ.เอ็ม เอฟ ซี (MFC) ถือหุ้น 3.77% และ 3.กองทุนภายใต้การบริหารของบลจ.กรุงไทย ถือหุ้น 1.94% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 3 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 15 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ก.ค.60-30 มิ.ย.61) ซึ่งเท่ากับ 196.32 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.20 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย