บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 พิจารณาอนุมัติให้บริษัท และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด (S-TREK) ในสัดส่วนไม่เกิน 51% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ S-TREK จากผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ นายจิรศักดิ์ เปรมพจน์วัฒนา จำนวนทั้งสิ้น 15,300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 510 ล้านบาท
สำหรับวิธีการชำระค่าหุ้นจะมีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของ ECF (Share swap) ด้วยวิธีการซื้อหุ้นของ S-TREK ที่ซื้อขายแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 บริษัทจะรับโอนหุ้นจากผู้ขาย 10,710,000 หุ้นหรือคิดเป็น 35.7% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน S-TREK หรือคิดเป็นมูลค่า 357 ล้านบาท และบริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 51,000,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 7 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับจำนวน 357 ล้านบาทให้แก่ผู้ขายในลักษณะการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อชำระราคาค่าหุ้นที่รับโอนมาน ในอัตราส่วนการแลกเปลี่ยน 1 หุ้นสามัญของ S-TREK ต่อ 4.7619 หุ้นของบริษัท คาดจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.62
ส่วนที่ 2 บริษัทจะรับโอนหุ้น จำนวน 4,590,000 หุ้นหรือคิดเป็น 15.3% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดใน S-TREK หรือคิดเป็นมูลค่า 153 ล้านบาท และบริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในมูลค่ารวมเท่ากับจำนวน 153 ล้านบาทให้แก่ผู้ขายในลักษณะการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขายเท่ากับร้อยละ 110 ของราคาตลาดของหุ้นของบริษัทฯ ณ ขณะที่เสนอขาย โดย "ราคาตลาด" จะเป็นไปตามกฎและระเบียบของสำนักงาน ก.ล.ต. ต่อไป โดยคาดว่าจะแล้วเสร็ภายในเดือน เม.ย.65
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้ง บล.ไอ วี โกลบอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ S-TREK ประกอบธุรกิจจัดจำหน่าย (Trading Company) ผลิตภัณฑ์ด้านไอที ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอทีและมือถือ รวมถึงมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย แบ่งออกได้ดังนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนประกอบคอมพิวเตอร์, กลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, กลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเชื่อมเนตเวิร์ค, กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์, กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิด, กลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นและการบริการ, กลุ่มผลิตภัณฑ์อินเตอร์เนทคาเฟ่, กลุ่มผลิตภัณฑ์มือถือ, กลุ่มผลิตภัณฑ์อี-สปอร์ต หรือกีฬาอิเลคทรอนิคส์ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่ายมากกว่า 5,000 รายการ และมีกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศไทย มากกว่า 4,000 ร้านค้า อาทิเช่น IT City, Advice, JIB, COM7, Banana IT ฯลฯ
ECF คาดว่าการเข้าลงทุนใน S-TREK ครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ไปยังธุรกิจประเภทใหม่ คือ ธุรกิจด้านไอทีและมือถือ ซึ่งเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ มีศักยภาพ โดย S-TREK ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวในการประกอบธุรกิจที่จะเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตของยอดขายและกำไรจากการดำเนินงานในกลุ่มสินค้าไอทีและมือถือ เพื่อให้มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมุ่งสู่การเป็นผู้นำของธุรกิจไอทีและมือถือ ภายในระยะเวลา 3 ปี โดย S-TREK มีอัตราการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
ทาง S-TREK ยังให้ความสำคัญโดยคำนึงถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถพัฒนาศักยภาพในด้านการเรียนรู้ การศึกษาของประชากรไทย อาทิเช่น สินค้าอุปกรณ์ โต๊ะคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ (Smart Table) ที่สามารถตอบสนองและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการเรียนการสอน และการพัฒนาในด้านธุรกิจที่ตอบสนองต่อโลกธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังขยายไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านอี-สปอร์ต หรือกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทาง S-TREK ได้ลงทุนในการสร้างอาคารเพื่อรองรับและสนับสนุน การแข่งขันกีฬา"อีสปอร์ต" (e-Sports)" ของประเทศไทย
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการบริษัท ECF มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (ECF-W2) ซึ่งออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (ECF-W3) ซึ่งออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 14,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
รวมทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามแบบมอบอานาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 95,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชาระแล้วของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)
และมีมติอนุมัติให้นำออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่อง และ/หรือใช้ชำระคืนหนี้ และ/หรือไถ่ถอนหุ้นกู้เดิม และ/หรือใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจ โดยอายุของหุ้นกู้ สำหรับหุ้นกู้ระยะสั้นไม่เกิน 270 วัน และสาหรับหุ้นกู้ระยะยาวไม่เกิน 10 ปี
คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติให้กำหนดวันเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 ภายในเดือน มี.ค.62
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรทันทีในปี 62 โดยในปี 60 ที่ผ่านมา S-TREK มีรายได้รวมประมาณ 4,848 ล้านบาท ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้างการเติบโต โดยจะส่งผลต่อตัวเลขการดำเนินงานของ ECF อย่างมีนัยสำคัญ
"บริษัทมีแผนขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้นหากมีธุรกิจที่มีความน่าสนใจ บริษัทจะเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนกิจการนั้น ๆ ซึ่งไอทีและดิจิตอลถือเป็นเทรนด์ที่สำคัญของโลกยุคปัจจุบัน ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับระยะเวลาข้างหน้าจะได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลภาครัฐ กลุ่มธุรกิจสินค้าไอทีจึงเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีความน่าสนใจ"นายอารักษ์ กล่าว