บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 10/2561 ได้อนุมัติให้บริษัทลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นโดยทางตรง หรือโดยทางอ้อมบริษัทย่อยของบริษัท สำหรับการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่เข้าลงทุน ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จำกัด (NPS) บริษัท เวิลด์ เอ็กซ์เชนจ์ เอเชีย จำกัด (WXA) และบริษัท พี.พี.โซล่า จำกัด (PPS) ซึ่งประกอบกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power Producers) ในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 39.5 เมกะวัตต์ (MW)
พร้อมกันนี้ยังให้เข้าลงทุนในบริษัท เทอร์ร่าฟอร์ม โกลบอล โอเปอเรติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นกิจการให้บริการด้านการปฏิบัติการดูแลบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Operation and Maintenance Service) จากผู้ขายซึ่งคือกลุ่ม บูร๊คฟีลด์ รีนิวเอเบิล พาร์ทเนอร์ส ซึ่งประกอบกิจการพลังงานทดแทนรายใหญ่ โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 3.07 พันล้านบาท รวมการโอนสิทธิตามสัญญาเงินกู้จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งราคาซื้อขายสามารถปรับเปลี่ยนได้ขึ้นกับปัจจัยบางประการ
โดยในวันนี้ (7 ธ.ค.) บริษัทได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นในกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว โดยการโอนหุ้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วน และคาดว่าการโอนหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/62
สำหรับเงินลงทุนในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท หรือจากการกู้ยืมสถาบันกาเงิน ซึ่งเมื่อธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นลงแล้วจะทำให้กลุ่มบริษัทต่าง ๆ เหล่านี้มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทในการขยายกิจการด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าพลังงานทดแทน และต่อยอดความเชี่ยวชาญการประกอบกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย อีกทั้งเป็นกิจการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่สามารถสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ GPSC กล่าวว่า บริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 100% ใน NPS ,WXA และ PPS ซึ่งถือครองโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ในประเทศไทย จำนวน 9 โครงการ รวมกำลังการผลิต 39.5 เมกะวัตต์ รวมถึงเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท เทอร์ร่าฟอร์ม โกลบอล โอเปอเรติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับรายละเอียดโรงไฟฟ้าทั้ง 9 โครงการ ได้แก่ NPS มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 18 เมกะวัตต์ (ขนาด 6 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โรง) ตั้งอยู่บนพื้นที่จังหวัดพิจิตร จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดลพบุรี จำหน่ายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตั้งแต่เดือน ธ.ค.58 ,ยังเหลือระยะเวลาจำหน่ายอีก 22 ปี , WXA กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 17.9 เมกะวัตต์ (5.96 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โรง) ตั้งบนพื้นที่จังหวัดพิจิตร จำหน่ายไฟให้กับกฟภ. ตั้งแต่เดือนธ.ค.58 เหลือระยะเวลาอีก 22 ปี และ PPS กำลังการผลิต 3.6 เมกะวัตต์ (1.2 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โรง) ตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น เริ่มจำหน่ายไฟให้กับกฟภ. ตั้งแต่มี.ค.57 และมี.ค.58
"โครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 9 โครงการ ปัจจุบัน สามารถผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การซื้อหุ้นครั้งนี้ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ทันทีหลังการทำรายการซื้อขายหุ้นเสร็จ"นายชวลิต กล่าว
การลงทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และต่อยอดความเชี่ยวชาญการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เป็น 1,979.5 เมกะวัตต์ อีกทั้งเป็นกิจการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ที่สามารถสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง