บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. อนุมัติให้บริษัท เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 62.63% ในบริษัท มิตรประสงค์ กรีนเพาเวอร์ จำกัด (MPG) ซึ่งดำเนินการประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวภาพกำลังการผลิต 4.0 เมกะวัตต์ ในจ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 102 ล้านบาท ให้กับบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตน้ำมันปาล์ม และเป็นผู้ถือหุ้น MPG ในสัดส่วน 20% โดยบริษัทจะได้รับเงินสดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 42 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินในการชำระค่าหุ้นที่บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด จะออกใหม่เสนอขายให้แก่บริษัท เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นในสัดส่วน 1.22% โดยจะไม่มีการส่งบุคคลเข้าไปเป็นคณะกรรมการในกลุ่มสมอทอง เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย
ทั้งนี้ บริษัทสามารถนำรายได้จากการขายหุ้นครั้งนี้มาบริหารธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยการสูญเสียรายได้จากการประกอบการของ MPG ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างเป็นนัยสาคัญ ประกอบกับแผนลงทุนธุรกิจใหม่ของบริษัทที่จะช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป รวมทั้งผู้ซื้อเป็นผู้มีความสามารถ และชำนาญเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจดังกล่าว บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการรับรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) จากผลตอบแทนจากการบริหารงานของบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะเป็นหลักประกันในส่วนของรายได้ที่ดีขึ้น เมื่อรวมกับรายได้ที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนโครงการต่อๆ ไปของบริษัทจะส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติให้บริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็ม โซลูชั่น จำกัด (M-Solution) เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท อินฟอร์เมติกซ์ พลัส จำกัด (Informatix Plus) ในสัดส่วน 99.99% ซึ่งประกอบธุรกิจไอซีทีครบวงจร โดยเป็นผู้ให้บริการระบบ Platform ระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมทั้งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้าน Mobile Technology โดยเป็นการซื้อจากบมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) มีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 25 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากการขายโรงไฟฟ้ามิตรประสงค์
Informatix Plus ให้บริการตั้งแต่เป็นผู้ให้คำปรึกษา วิเคราะห์ ออกแบบ การวางระบบเครือข่ายสื่อสารและระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลทุกประเภท และเป็นผู้ติดตั้งระบบสำหรับงานบางประเภท อาทิ Mobile Application, Pro LPR และระบบ biometrics
สำหรับการเข้าลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีรายได้ต่อเนื่อง และเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจและความร่วมมือทางธุรกิจ (synergy) กับบริษัทลูกของบริษัท คือ M-Solution ในแง่ของการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การขยายฐานลูกค้า โดยปัจจุบันลูกค้าของบริษัทลูก M-Solution จะเน้นโครงการภาครัฐเป็นหลัก แต่บริษัท Informatix มีทั้งลูกค้าภาครัฐและมีทิศทางเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นเอกชนและ niche เพิ่มมากขึ้น ช่วยเป็นหลักประกันในส่วนของรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ภายหลังการเข้าซื้อกิจการแล้ว Informatix จะมีรายได้จากลูกหนี้ที่มีการวางบิลแล้วซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นโครงการภาครัฐทำให้มีความแน่นอนในการเรียกเก็บเงิน รวมถึงรายได้จากโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 62 ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากการขายโรงไฟฟ้ามิตรประสงค์