บมจ.เอ็ม.ซี.เอส.สตีล (MCS) แจ้งว่า บริษัทได้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนจำนวน 27 ล้านหุ้น มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 193.65 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 7.17 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาทุนที่บริษัทได้ซื้อมารวมทั้งสิ้น 288.19 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยต่อหุ้นที่ซื้อมาเท่ากับ 10.67 บาท/หุ้น เป็นผลให้บริษัทขาดทุนจากการซื้อหุ้นคืนในโครงการนี้ประมาณ 95.54 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นที่ซื้อคืนดังกล่าวจะทำให้มีเงินสดจากการขายหุ้นเพื่อมาดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจาก ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดราว 945.69 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีความจำเป็นต้องซื้อโรงงาน และที่ดิน ของบริษัทย่อยในต่างประเทศ จำนวนประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้เพื่อมาสนับสนุนธุรกิจของบริษัทที่ต่างประเทศ รวมถึงบริษัทยังได้รับงานโครงการสนามบิน เฟส 2 (AOT Project) ประมาณ 20,000 ตัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานภายในไตรมาส 1/62 ซึ่งงานนี้จะมีผลต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากโครงการนี้จะมีผลขาดทุนรวมถึงการรับเงินที่ล่าช้า โดยในไตรมาส 3/61 ทางบริษัทได้ตั้งสำรองผลขาดทุนบางส่วนที่อาจจะเกิดขึ้นไว้จำนวน 35.285 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงในปี 60 จำนวน 3 คน ทำให้ลูกค้าขาดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนั้น งานที่บริษัทเคยรับไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ลดลงอย่างมาก เนื่องจากเกิดความไม่มั่นใจต่อบริษัทส่งผลให้งานในปี 62 มีจำนวนงานไม่มากพอ ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินสดที่ใช้หมุนเวียนในกิจการในปี 62
ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นจะต้องหาเงินทุนบางส่วนเพื่อมาใช้หมุนเวียนในกิจการ ซึ่งหากขอกู้จากธนาคารพาณิชย์ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ MLR ประมาณ 7% ต่อปี คณะกรรมการจึงได้พิจารณาให้จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่การขายหุ้นดังกล่าวอาจจะเกิดผลกระทบกับราคาหุ้นในตลาด เนื่องจากราคาขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 7.35 บาท/หุ้น คณะกรรมการจึงมีมติให้ฝ่ายจัดการเข้าไปดำเนินการจำหน่ายหุ้น โดยกำหนดราคาขายไม่ต่ำกว่า 7 บาท/หุ้น และหากเห็นว่าราคาหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญให้ดำเนินการหยุดขายทันที