DOD เข้าซื้อกิจการธุรกิจผลิต-จำหน่ายเครื่องสำอางและสกินแคร์ มูลค่า 297 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 19, 2018 13:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) โรงงานผู้ผลิตเครื่องสำอาง และสกินแคร์ ในรูปแบบรับจ้างผลิต (OEM) แบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสูตร การวิจัยและผลิตเครื่องสำอาง และสกินแคร์ ออกแบบฉลากสินค้าบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการยื่นคำขอจดแจ้งผลิตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ทั้งนี้ DOD จะจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัท บีจีพี สเปกตรัม เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งหมายถึงทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งหมด รวมถึงหุ้นสามัญจำนวน 8,100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาทใน PCCA ที่ถือหุ้นโดย บีจีพี สเปกตรัม หรือคิดเป็น 90% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนของ PCCA โดยบริษัทย่อยจะชำระค่าตอบแทนการโอนกิจการทั้งหมดจำนวน 297,000,000 บาทเป็นเงินสด

สำหรับ PCCA มีโรงงานตั้งอยู่บนพื้นที่ 29 ไร่ 2 งาน 89 ตารางวาที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และ อาคารสำนักงานใหญ่ 6 ชั้น พร้อมห้องปฎิบัติการวิจัย พื้นที่ 182 ตารางวา ตั้งอยู่ในเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

นางสาวศุภมาศ กล่าวว่า PCCA จะเข้ามาต่อยอดจิ๊กซอว์ ทางธุรกิจ ในการขยายพอร์ตการผลิตสินค้า กลุ่มความงามและสุขภาพ เนื่องจาก DOD และ PCCA ดำเนินธุรกิจรูปแบบใกล้เคียงกัน และยังมีฐานลูกค้าในกลุ่มประเภทเดียวกัน ดังนั้นหลังจากนี้ต่อไปจะได้เห็นกลุ่มลูกค้าของ PCCA ที่เคยจ้างผลิตเฉพาะเครื่องสำอางและสกินแคร์หันมาจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขณะเดียวกัน ลูกค้า DOD ที่เคยจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็จะหันมาจ้างผลิตเครื่องสำอาง และ สกินแคร์ เช่นเดียวกัน

ดังนั้น การลงทุนในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้าง Synergy ทางธุรกิจแล้ว ยังเป็นการเสริมศักยภาพ ความแข็งแกร่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดและขยายไลน์ธุรกิจของบริษัทในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งยังผลักดันให้ DOD ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจเพื่อความงามและสุขภาพ แบบครบวงจร

เป้าหมายของ DOD คือการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยบริษัทต้องการขยายธุรกิจ ไปในช่องทางอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเพื่อความงามและสุขภาพ นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ อาทิ การลงทุนในโรงสกัดแห่งที่ 2 ที่จะนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสกัดที่ทันสมัยมาสกัดสารสำคัญในพืชสมุนไพรไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ และตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัดที่สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ สกัดเพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ

โดยบริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่มีประสบการณ์ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางค์และสกินแคร์ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทย ดังนั้นการจัดตั้งโรงสกัดของ DOD จะเป็นบริษัทเอกชน แห่งแรกๆที่ยกระดับมาตรฐานสารสกัดไทยให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล โดยเบื้องต้นคาดว่าโรงสกัดดังกล่าวจะสามารถเดินเครื่องได้ภายในไตรมาส 3/62 ถือว่าแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดเดิม จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จภายในปี 63

นางสาวศุภมาศ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังมีดีลใหม่ๆ ให้เข้ามาศึกษาและพิจารณาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงทุนในธุรกิจช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพที่มีฐานลูกค้าปลีกอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะมาเสริมความแข็งแกร่งให้ DOD ยิ่งขึ้น ซึ่งการมีช่องทางในการขายสู่มือผู้บริโภค (End users) โดยตรงจะทำให้โครงสร้างกำไรดีขึ้นกว่าปัจจุบัน

และจากการที่ DOD เป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียว ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางการจำหน่าย TV Shopping ของ CNR Mall ช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีน ยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะนำสินค้าของลูกค้ารายอื่นเข้าไปจำหน่ายได้ด้วย ซึ่งเป็นการปูทางการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจเพื่อความงามและสุขภาพแบบครบวงจร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ