บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.อนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 100 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าลงทุนรวมทั้งหมดไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท
ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ ในโครงการ Van Giao 1 และขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ในโครงการ Van Giao 2 โดยเป็นการซื้อหุ้นทั้ง 100% จากผู้ถือหุ้นเดิม 3 ราย มีมูลค่าลงทุนโครงการละไม่เกิน 1.75 พันล้านบาท ซึ่งรวมถึงมูลค่าการซื้อหุ้นและมูลค่าโครงการ โดยได้กำหนดผลตอบแทนการลงทุนจากเงินลงทุน (EIRR) ขั้นต่ำแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 13%
สำหรับทั้ง 2 โครงการ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วเมื่อวันที่ 21 ก.ย.61 และ 26 ก.ย.61 ตามลำดับ โดยขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม Electricity of Vietnam (EVN) ในอัตรารับซื้อ 9.35 เซ็นดอลลาร์สหรัฐ/หน่วย อายุสัญญา 20 ปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 30 มิ.ย.62 ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาต่อรองและกำหนดเงื่อนไขในสัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยคาดว่าจะได้ข้อยุติในการเจรจาของทุกโครงการประมาณเดือน มี.ค.62 แหล่งเงินลงทุนครั้งนี้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
การเข้าลงทุนครั้งนี้จะเป็นการช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจ และสร้างรายได้ในอนาคตให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการขยายการลงทุนของบริษัทไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลเวียดนาม เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER เปิดเผยว่า การจะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม 2 แห่งครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีจำนวนสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือประมาณ 1,200-1,300 เมกะวัตต์
สำหรับการลงทุนครั้งใหม่ในเวียดนามนี้จะลงทุนผ่าน SUPER SOLAR ENERGY (HONGKONG) 2 Co.,Ltd. หรือ SSE-HK2 ในฐานะบริษัทย่อย จากการลงทุนในประเทศเวียดนามที่ผ่านมาดำเนินการโดย SSE-HK1 ซึ่งเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ที่ 136 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และจะทยอย COD โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป
"ปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยถึง 10% ต่อปี และการที่รัฐบาลเวียดนามเร่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล จะสนับสนุนให้ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศเติบโตได้ดี"นายจอมทรัพย์ กล่าว
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทมีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก และเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้กับรายได้ รวมทั้งจะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายของการก้าวสู่ความเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภาย ใน 3 ปีข้างหน้า โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะมีการทยอย COD โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ตามเป้าหมาย ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโต และในปี 61 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาทที่วางไว้อย่างแน่นอน