บมจ.ไทยโทเรเท็กซ์ไทล์มิลลส์ (TTTM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้มีการควบบริษัทระหว่าง TTTM และ บมจ ลัคกี้เท็คซ์ (ไทย) (LTX) เกิดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ ซึ่งหุ้นของบริษัทใหม่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ทั้งนี้ เนื่องด้วยการแข่งขันที่สูงในตลาดสิ่งทอการผลิตสินค้าด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดและการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างสูงสุดให้แก่สินค้า (High Value Added :HVA) จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยการควบบริษัทจะช่วยให้บริษัทเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุดในการประกอบกิจการ
ยิ่งไปกว่านั้นการควบบริษัททั้งสองบริษัทยังก่อให้เกิดประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ คือ เพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นโดยการรวมทรัพยากรบุคคลทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการบริหารลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถของบริษัท อีกทั้งลดต้นทุนเพื่อให้บรรลุผลในการประหยัดจากขนาดธุรกิจ หรือกำลังการผลิต
อีกทั้งช่วยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลกผ่านการร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท เพื่อให้บรรลุผลในการประหยัดจากขนาดธุรกิจหรือกำลังการผลิต นอกจากนี้ เมื่อมีความสามารถในการผลิตเพิ่มมากขึ้น ลูกค้ารายใหญ่ก็สามารถสั่งสินค้าจากบริษัทได้โดยตรง รวมทั้งช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและความแข็งแกร่งทางการเงิน
ในการควบบริษัทนั้นหุ้นของบริษัทใหม่จะถูกจัดสรรตามมูลค่ายุติธรรมของแต่ละบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TTTM และ LTX ในอัตราส่วนดังนี้
1 หุ้นเดิมใน LTX ต่อ 0.92463689 หุ้นในบริษัทใหม่
1 หุ้นเดิมใน TTTM ต่อ 1.65113730 หุ้นในบริษัทใหม่
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TTTM และ LTX หากมีเศษหุ้นที่เกิดจากการคำนวณตามอัตราส่วนการจัดสรรหุ้นข้างต้นเป็นจำนวนมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 จะมีการปัดเศษหุ้นนั้นขึ้นให้เต็มจำนวน 1 หุ้น แต่ในกรณีที่เศษหุ้นนั้นต่ำกว่า 0.5 จะมีการปัดเศษหุ้นนั้นทิ้ง และบริษัทใหม่จะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับส่วยนของเศษหุ้นทีปัดทิ้งในราคาและภายในเวลาที่จะกำหนดต่อไป
โดยบริษัทรับทราบว่า Toray Industries,Inc. จะเป็นผู้เกลี่ยหุ้น (balancer) ในการปัดเศษหุ้นและชำระเงินให้แก่หรือรับเงินชดเชยจากบริษัทใหม่ที่ได้จากการเกลี่ยหุ้นดังกล่าว
สำหรับธุรกรรมการควบบริษัทจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TTTM และ LTX ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ซึ่งการควบบริษัทและการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อ ตลท.คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือน ก.ค.62
นอกจากนั้น คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจดให้มีผู้รับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงคัดค้านการควบบริษัทในราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งสุดท้ายก่อวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TTTM และ LTX มีมติให้มีการควบบริษัท คือ ราคาปิดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ LTX และ TTTM ในวันที่ 30 ม.ค.62 โดยผู้คัดค้านจะต้องขายหุ้นภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำเสนอซื้อหุ้น (8 ก.พ.-21 ก.พ.62)
Toray Industries,Inc. ได้แสดงความจำนงเป็นผู้รับซื้อหุ้นดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องได้รับการผ่อนผันจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรณีที่อาจได้หุ้นมาถึง 50% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการที่ทำให้ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด และจำนวนมูลค่าการรับซื้อหุ้นจะต้องไม่เกิน 300 ล้านบาททั้งของ LTX และ TTTM หากเกินกว่านี้อาจจะพิจารณาถอนตัว ซึ่งในกรณีดังกล่าว LTX และ TTTM ก็จะประกาศยกเลิกการควบบริษัท
ขณะที่คณะกรรมการบริษัท LTX ยังมีมติให้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน TTTM ทั้งหมดให้แก่ Toray Industries,Inc. จำนวน 313,000 หุ้น คิดเป็น 5.22% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดใน TTTM ในราคาหุ้นละ 179.36 บาท ซึ่งมีขนาดรายการที่คำนวณได้ 56,139,680 บาท เพื่อขจัดการถือหุ้นระหว่างกันก่อนที่การควบบริษัทจะเสร็จสมบูรณ์
ทั้งนี้ TTTM และ LTX กำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น 31 ม.ค.62