บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ชี้แจงว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 7,015.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 925.68 ล้านบาท หรือ 15.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจหลัก และการรับรู้กำไรพิเศษจากเงินลงทุนและการขายธุรกิจ โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 9.1% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการรับโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)
ในปี 61 บริษัทฯรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 496 ล้านบาท รายได้พิเศษจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 152 ล้านบาท และกำไรจากการขายธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งแสดงอยู่ใน"กำไรจากการดำเนินงานที่ยกเลิก"จำนวน 128 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ปรับตัวลงลดลงเล็กน้อยที่ 0.7% จากรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจที่ลดลง ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักอื่น ๆ สามารถขยายตัวได้ดี ในส่วนของการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 12.3% ตามการบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ
ณ สิ้นปี 2561 บริษัทำการปรับปรุงวิธีการจัดชั้นคุณภาพสินทรัพย์สำหรับสินเชื่อแบบผ่อนชำระ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น ตามนโยบายควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง แม้ว่าการชำระหนี้ของลูกหนี้และคุณภาพสินทรัพย์ในพอร์ตสินเชื่อรวมยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ส่งผลให้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) งวดปี 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.86% จาก 2.32% ในสิ้นปี 60 โดยยังรักษาอัตราส่วนเงินสำรองรวมของธนาคารต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในระดับสูที่ 230.1%
สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ มีเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 61 จำนวน 240,654.34 ล้านบาทลดลง 4.3% จากสิ้นปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการโอนขายสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต ประกอบกับภาวะตลาดของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีการแข่งขันสูง และการตัดหนี้สูญของสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อ แบ่งเป็น สินเชื่อรายย่อย 75.9% , สินเชื่อธุรกิจ 16.6% ,สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 6.2% และสินเชื่ออื่น ๆ 1.3%
ธุรกิจหลักทรัพย์ ในปี 61 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันผ่านบล.ทิสโก้ เท่ากับ 2,486.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากปี 60 ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เพิ่มขึ้นในภาวะตลาดทุนผันผวน ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ขยายตัว 0.4% มาที่ 834.11 ล้านบาท อย่างไรก็ดีส่วนแบ่งตลาดของบล.ทิสโก้ อ่อนตัวลงจาก 2.6% มาที่ 2.5%
ธุรกิจจัดการกองทุน โดยบลจ.ทิสโก้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธ.ค.61 จำนวน 249,061.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล