DTAC คาดใช้เงินลงทุนปี 62 ที่ 1.3-1.5 หมื่นลบ. เน้นพัฒนาโครงข่าย-พัฒนาแบรนด์เสริมความแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 28, 2019 18:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) หรือดีเทค เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทจะให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายและ ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้นรวมทั้งจะสร้างสรรค์ข้อเสนอและให้บริการที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น บริษัทจะพัฒนาแบรนด์ดีแทคให้แข็งแกร่งขึ้นและนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้

ในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในช่วง 13,000 ถึง 15,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้น รวมทั้งมีความปรารถนาที่จะกลับมาเติบโตพร้อมทั้งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานจะแจ้งในช่วงไตรมาส 2/62

สำหรับปี 2561 รายได้จากการให้บริการของบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในตลาดที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ความไม่แน่นอนในประเด็นเรื่องการหมดอายุสัญญาสัมปทานได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในปี 2561 ลดลง 2.8% จากปีก่อน สอดคล้องกับประมาณการที่คาดไว้

ในขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA (ก่อนรายการอื่น) ของบริษัทอยู่ที่ 28,391 ล้านบาทลดลง 6.7% จากปีก่อนโดยส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากรายได้จากการให้บริการที่ลดลง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่ง 4G บนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300MHz ที่จ่ายให้กับบมจ.ทีโอที และค่าใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์โทรคมนาคมที่จ่ายให้บมจ. กสท.โทรคมนาคม

โดย EBITDA margin ของปี 2561 อยู่ที่ระดับ 37.9% สอดคล้องกับประมาณการที่คาดไว้ ทั้งนี้ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 4,369 ล้านบาทในปี 2561 โดยเป็นผลจากการบันทึกค่าใช้จ่ายเพื่อการระงับข้อพิพาทกับ กสท. เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 2,115 ล้านบาท

ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีฐานลูกค้ารวมอยู่ที่ 21.2 ล้านเลขหมาย ลดลงกว่า 1.5 ล้านเลขหมายจากปีก่อนอันเป็นผลจากการลดลงของฐานลูกค้าระบบเติมเงินในขณะที่การเติบโตของฐานลูกค้าระบบรายเดือนช่วยชดเชยได้บางส่วน โดยฐานลูกค้าระบบเติมเงินมีจำนวนอยู่ที่ 15.1 ล้านเลขหมาย ลดลงกว่า 1.9 ล้านเลขหมายจากปีก่อนอันเป็นผลจากการแข่งขันในตลาดที่อยู่ในระดับสูงและการเปลี่ยนลูกค้าจากระบบเติมเงินเป็นระบบรายเดือน ในขณะที่ฐานลูกค้าระบบรายเดือนมีจำนวนเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 6.1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 0.4 ล้านเลขหมายจากปีก่อน

ทั้งนี้ แนวโน้มฐานลูกค้ารวมของบริษัทในไตรมาส 4/2561 เริ่มปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยจากแคมเปญเครื่องโทรศัพท์และโปรโมชั่นบริการเสริมในช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่รวมทั้งมีการสื่อสารกับลูกค้าถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง

นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ด้วยระบบสัมปทานที่สิ้นสุดลง และปีประวัติศาสตร์แห่งการลงทุนด้านโครงข่ายในการขยายพื้นที่การครอบคลุมสัญญาณ และความจุของโครงข่ายทั้งบนคลื่น 2100 MHz และ 2300 MHz ที่ผ่านมา บริษัทได้วางรากฐานที่ดีสำหรับการเติบโตในอนาคต และมีความมุ่งมั่นที่จะกลับไปสู่การเติบโตในปี 2562 โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยจะทำการปรับปรุงโครงข่าย และประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ดีแทคอย่างต่อเนื่อง

นายดิลิป ปาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงินของดีแทค กล่าวว่า โครงสร้างต้นทุนของดีแทคได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นค่าใช้จ่ายชั่วคราว นั่นคือค่าใช้จ่ายจากมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 16 กันยายน ถึง 15 ธันวาคม 2561 ค่าธรรมเนียมและต้นทุนการดำเนินงาน Regulatory costs ได้ลดลงอย่างมากเนื่องจากการที่ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนแบ่งรายได้ให้กับ บมจ.กสท โทรคมนาคม อีกต่อไป

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่งโครงข่ายบนคลื่น 2300 MHz ของบมจ.ทีโอที และค่าเช่าเสาสัญญาณ และโครงสร้างโครงข่ายพื้นฐานจากกสท. ได้เริ่มต้นในเดือนเมษายน และกันยายน 2561 ตามลำดับ ค่าตัดจำหน่ายของสิทธิในการใช้ทรัพย์สินภายใต้สัมปทานได้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกันนับจากเดือนกันยายน 2561 แต่บางส่วนได้ถูกแทนที่ด้วยค่าตัดจำหน่ายของใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ในเดือนธันวาคม 2561 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลเล็กน้อยต่อผลการดำเนินงานของดีแทคในปี 2561 และจะมีผลเต็มที่ในปี 2562 นี้ นอกเหนือจากนั้น บริษัทต้องการเวลาในการประเมินศักยภาพสำหรับการกลับไปเติบโตอีกครั้งในปี 2562


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ