บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เข้าลงทุนขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนาม โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท JWD Asia Holding Private Ltd. (ประเทศสิงคโปร์) (JWDAH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที JWD ถือหุ้นทางอ้อม 99.99% เข้าซื้อหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัท PROSPER LOGISTICS JOINT STOCK COMPANY (ประเทศเวียดนาม) (PPL) จากการเพิ่มทุน รวมเป็นเงินจำนวนประมาณ 10,360,000,000 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นประมาณ 14,017,080.00 บาท
ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้นของ JWDAH แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 732,960 หุ้น หรือคิดเป็น 42.30% ของหุ้นสามัญทั้งหมดใน PPL และหุ้นบุริมสิทธิ ประเภทหุ้นบุริมสิทธิเงินปันผล (Dividend Preference) จำนวน 151,520 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิในการได้รับทุนคืนก่อนผู้ถือหุ้นอื(น (Redeemable Preference) จำนวน 151,520 หุ้น รวมเป็นจำนวนหุ้นที่ JWDAH จะถืออยู่ในบริษัท PPL ทั้งสิ้น 1,036,000 หุ้น คิดเป็น 50.88% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในบริษัท PPL โดยคาดว่าจะทำรายการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.62
จากนั้น JWDAH และ PPL จะเข้าซื้อหุ้นสามัญ และหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในบริษัท TRANSIMEX CORPORATION (TMS) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) จากผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ถือหุ้นกู้ เดิมแล้วแต่กรณี รวมเป็นเงินที่ซื้อหุ้นสามัญและหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนทังสิ้นประมาณ 389,818,532,069 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นประมาณ 527,424,473.89 บาท คาดว่าจะทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.62
โดยเป็นหุ้นสามัญจำนวนรวม 11,242,208 หุ้น หรือคิดเป็น 23.66% ของทุนชำระแล้วของ TMS ในราคาเฉลี่ยประมาณ 30,723 ดองเวียดนามต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 41.57 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 345,392,632,069 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นประมาณ 467,316,231.19 บาท
และ หุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 444,259 หน่วย ในราคาประมาณ 100,000 ดองเวียดนามต่อหน่วย หรือคิดเป็นประมาณ 135.30 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 44,425,900,000 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นประมาณ 60,108,242.70 บาท
ทั้งนี้ JWDAH จะเข้าซื้อหุ้นสามัญใน TMS คิดเป็นสัดส่วน 8.23% ของจำนวนหุ้นทังหมดใน TMS จากนายปฐม ยงวณิชย์ รวมมูลค่า 102,818,632,069 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นเงินประมาณ 139,113,609.19 บาท ในราคาเฉลี่ย 26,284 ดองเวียดนามต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 35.56 บาทต่อหุ้น
ส่วน PPL ซื้อหุ้นสามัญในTMS จำนวนรวม 7,330,307 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15.43% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน TMS จาก SSI จำนวน 6,450,680 หุ้น ในราคาประมาณ 33,092 ดองเวียดนามต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 44.77 บาทต่อหุ้น และจาก Sunway จำนวน 879,627 หุ้น ในราคาประมาณ 33,092 ดองเวียดนามต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 44.77 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 242,574,000,000 ดองเวียดนาม หรือคิดเป็นเงิน 328,202,622 บาท
ทั้งนี้ TRANSIMEX CORPORATION ประกอบธุรกิจ ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนาม อาทิ ให้บริการเป็ นตัวแทนขนส่งสินค้าสำหรับการส่งออกและนำเข้า, ให้บริการสถานที(จัดสินค้าใส่ หรือ เอาสินค้า ออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (Container Freight Station: CFS) และบริการสถานีตู้สินค้าที่มีบริการศุลกากร, การซื้อขายคลังสินค้า การบรรทุก จัดเก็บ ขนส่ง และพิธีการศุลกากร, การเป็นตัวแทนขนส่งสินค้าและจัดการเกี(ยวกับการขนส่งสินค้า (Shipping agent and freight mediator)
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า บริษัทวางแผนรุกขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าขยายธุรกิจในอาเซียนครบ 9 ประเทศภายในปี 63 จากปัจจุบันที่ลงทุนแล้วใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา เมียนมาร์ สปป.ลาว อินโดนีเซีย (ไม่รวมไต้หวัน) ส่วนประเทศ สิงคโปร์และมาเลเซียจะดำเนินการผ่านเน็ตเวิร์คของ CJ Logistics ซึ่งเป็น partner JWD จากประเทศเกาหลี
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนถือหุ้น 23.66% ในบริษัท TRANSIMEX CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม โดยเตรียมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยในเวียดนามเพื่อเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 527 ล้านบาท (ประมาณ 390 ล้านดองเวียดนาม)
TRANSIMEX CORPORATION เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 26 ถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่อันดับ 3 ในเวียดนาม โดยมีรายได้ปีที่ผ่านมาประมาณ 3,000 ล้านบาท มีฐานธุรกิจหลักอยู่ในเมืองโฮจิมินห์และฮานอย มีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้ากว่า 1.2 หมื่นตารางเมตร พื้นที่ลานจัดเก็บสินค้ากว่า 1 แสนตารางเมตร โดยมีบริการที่หลากหลาย อาทิ Freight Forwarder หรือการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือและทางอากาศ, การรับจัดการพิธีการทางศุลกากร (Customs Clearance), บริการขนส่งสินค้า, ห้องเย็น, ท่าเรือ ฯลฯ
"การลงทุนในบริษัทฯ TRANSIMEX CORPORATION ถือเป็นก้าวที่สำคัญและเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ JWD เนื่องจากเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่มีศักยภาพสูง มี network ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยสร้างฐานธุรกิจที่เข้มแข็งในประเทศเวียดนาม"นายชวนินทร์ กล่าว
นายชวนินทร์ ยังกล่าวว่า ในปี 62 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% โดยมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการเตรียมรับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการเข้าถือหุ้นใน TRANSIMEX CORPORATION ตั้งแต่ปีนี้ต้นไป ธุรกิจบริการอาหารมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากบริการเสริมต่างๆ ให้กับลูกค้าร้านสะดวกซื้อและฟาสต์ฟู๊ดในประเทศไต้หวัน
ส่วนธุรกิจห้องเย็นเตรียมเปิดให้บริการห้องเย็นใหม่ ซึ่งเป็นอาคาร 8 ที่ติดตั้งระบบโรโบติกส์ในช่วงกลางปีนี้เพื่อรองรับความต้องการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และธุรกิจคลังและขนส่งข้ามแดนในอาเซียนมีการขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านนายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 61 สามารถสร้างรายได้ทุบสถิติและดีกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% หลังบริษัทนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้แก่กองทรัสต์ AIMIRT มาใช้ขยายการลงทุนใหม่ได้ตามแผนงาน เช่น การเข้าลงทุนถือหุ้น 60% ใน CSLF บริษัทผู้ประกอบธุรกิจให้บริการอาหาร (Food Service) ในประเทศไต้หวัน ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.61
ประกอบกับธุรกิจหลักส่วนใหญ่สามารถขยายตัวได้ดี ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการให้เช่าและ บริการ 3,208 ล้านบาท เติบโต 32.4% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,423.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 252.1 ล้านบาท เติบโต 23.3% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ (ก่อนบันทึกกำไรพิเศษจากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้แก่กองทรัสต์) ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 204.5 ล้านบาท
ธุรกิจที่มีอัตราเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ได้แก่ (1) ธุรกิจห้องเย็น มีรายได้ 604 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 34.4% ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับจากเกิดปัญหาใบเหลือง IUU Fishing เมื่อปี 2560 (2) ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 497.1 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 31% เนื่องจากได้รับงานยกขนตู้รถไฟ ขนส่งยานยนต์และสินค้าอันตรายเพิ่มขึ้น (3) ธุรกิจบริหารจัดการสินค้าอันตราย มีรายได้ 497.3 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7.5% (4) ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปมีรายได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จากบริการคลัง LCL และลูกค้าหลายรายกลับเข้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น (5) ธุรกิจบริการอาหาร ที่มีการรับรู้รายได้หลังจากเข้าลงทุนใน CSLF ในปีที่ผ่านมา รวม 399.8 ล้านบาท
"แม้ว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายการเช่ากลับห้องเย็นและคลังจัดเก็บเอกสารที่จำหน่ายให้แก่กองทรัสต์ AIMIRT แต่เรายังสามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี ซึ่งสะท้อนว่าเราสามารถนำเงินมาใช้ขยายการลงทุนเพื่อสร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการเข้าลงทุนใน CSLF ที่เราเข้าไปปรับปรุงฐานะการเงินและเพิ่มขีดความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น และในอนาคตยังช่วยส่งเสริมต่อการดำเนินธุรกิจห้องเย็นของเราในอาเซียนอีกด้วย"นายเอกพงษ์ กล่าว