นายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 62 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากระดับรายได้รวม 2,476.82 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานในมือ (Backlog) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้อีกกว่า 1,564 ล้านบาท และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจยานยนต์ที่กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เข้ามาสนับสนุนอีกด้วย
"ปี 62 น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของบริษัท และเป็นปีที่จะเห็นภาพการจัดกลุ่มธุรกิจในการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างเด่นชัด ซึ่งปีที่ผ่านมาธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคเป็นพระเอก และในปีนี้ก็ยังต่อเนื่องจากปีก่อน เพราะปัจจุบันมีงานเข้ามาต่อเนื่อง เนื่องจากมีความต้องการสูง โปรเจคในอนาคตที่เตรียมเข้าประมูลเพิ่มงานภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนธุรกิจยานยนต์ก็ยังเห็นภาพเติบโตต่อเนื่องได้ ดังนั้น น่าจะเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"นายอภิชาติ กล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคของบริษัท เอทูเทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่จะทยอยรับรู้รายได้เพิ่มในปีนี้ ซึ่งล่าสุดได้รับงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (Substation) ของหน่วยงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าโครงการกว่า 300 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในเดือนมี.ค.62
นอกจากนี้ยังมีงานใหม่ที่เข้าไปประมูลรับงานและงานซึ่งอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาหลายราย มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ส่งผลสนับสนุนให้ประมาณงานในมือเพิ่มในอนาคต
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 20 เม.ย. เพื่อพิจารณาและอนุมัติการปรับโครงสร้างกิจการเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ โดยเปลี่ยนลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการลงทุน (Holding Company) และโอนกิจการผลิต และจำหน่ายชิ้นส่วนโลหะที่มีความเที่ยงตรงสูง (High Precision Machining & Cold Forging) ให้แก่ บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น เอ.ที. จำกัด (เอพีเอที) ซึ่งได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก บริษัท พีทู พรีซิชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 25 ก.พ.62 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้ การโอนทรัพย์สินหลัก ได้แก่ ที่ดินและอาคารที่ใช้ในการประกอบธุรกิจดังกล่าว รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าวให้แก่เอพีเอที ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนธ.ค.63 และภายหลังการโอนกิจการดังกล่าวบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การปรับโครงสร้างดังกล่าว สืบเนื่องจากบริษัทได้ขยายขอบเขตการดำเนินกิจการไปสู่ธุรกิจด้านบริหารจัดการน้ำในปี 59 ด้วยการลงทุนใน บริษัท ชลกิจสากล จำกัด (ซีเค) มูลค่า 224 ล้านบาท ผ่าน บริษัท เอทู เทคโนโลยี จำกัด (เอทู) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย รวมทั้ง เอทู (และบริษัทย่อยในกลุ่ม) ได้เริ่มประกอบธุรกิจที่ปรึกษาและก่อสร้าง- Engineering Procurement and Construction (EPC) ในปี 60 จนปัจจุบัน ปี 61 มีรายได้รวม 1,450.40 ล้านบาท บริษัทจึงตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดโครงสร้างกิจการในกลุ่มใหม่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารจัดการและควบคุมดูแลแต่ละธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต
โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนโลหะ ซึ่งปี 2561 รายได้รวมทั้งสิ้น 990.71 ล้านบาท ,กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาและก่อสร้าง (EPC) ปี 2561 รายได้รวมทั้งสิ้น 1,450.40 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำดิบ ปี 2561 รายได้รวมทั้งสิ้น 35.71 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 221.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.26% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 148.37 ล้านบาท และถือว่าเป็นการเติบโตสูงสุด ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2,476.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.79% ขณะที่มีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น