บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.62) มติอนุมัติให้บริษัทสละสิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ.ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง (WCIH) ตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 42.88 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 99.47% ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือของ WCIH ซึ่งเป็นการจัดสรรในรอบที่ 2 แต่ก็จะยังทำให้บริษัทคงสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน WCIH ไม่ต่ำกว่า 50.17% จากเดิมที่บริษัทได้เพิ่มทุนใน WCIH รอบแรกแล้วเสร็จ ทำให้ ณ สิ้นปี 61 บริษัทมีสัดส่วนถือหุ้นใน WCIH ระดับ 63.70%
ทั้งนี้ WCIH ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจเสริมความงาม โดยถือหุ้นในบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG)
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2561 ของ WCIH มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทอีก 870 ล้านบาท จากเดิม 1,160 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 2,030 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 87 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยรอบแรกจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 10 บาท ซึ่ง WCIH กำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน และชำระเงินค่าหุ้นรอบแรก ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2561
รอบที่สองกรณีมีหุ้นเหลือจากรอบแรก กำหนดให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน และชำระเงินครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรรและมีสิทธิจองซื้อหุ้นเกินสิทธิได้ด้วย ซึ่งการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของ WCIH รอบแรก มีหุ้นเพิ่มทุนคงเหลือ 43.11 ล้านหุ้น ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 ของ WCIH มีมติอนุมัติแก้ไขมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2561 เรื่องการพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการ WCIH เป็นผู้พิจารณาจัดสรรให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมของ WCIH ได้รับแจ้งสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ WCIH ส่วนที่เหลือตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมจำนวน 42.88 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 428.83 ล้านบาท อีกทั้งมีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิได้ด้วย
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งการปลดเครื่องหมาย SP หุ้น EFORL ตั้งแต่การซื้อขายในวันนี้ (8 มี.ค.) เนื่องจากบริษัทได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2561 ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แล้ว