บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) แจ้งว่า วันที่ 19 มีนาคม 2562 ทางบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่ง TPCH ถือหุ้น 50% ได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน ในรูปแบบ Feed-in Tariff(FiT) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
สำหรับโครงการสยาม พาวเวอร์ ตั้งอยู่อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขาย 8.0 เมกะวัตต์ ซึ่งทางสยาม พาวเวอร์ ต้องมีการยื่นเอกสารเพิ่มเติมตามที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย กำหนดและลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ภายใน 120 วัน นับถัดจากวันที่ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือก
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ดำเนินการแล้ว 57.7 เมกะวัตต์โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง 49.1 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับ PPA แล้ว 106.8 เมกะวัตต์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) 83.8 เมกะวัตต์และในรูปแบบ Adder 23 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมโครงการสยาม พาวเวอร์แล้ว ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 116.3 เมกะวัตต์
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร TPCH เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าสยาม พาวเวอร์ มีสัญญาก่อสร้างและบริหารจัดการระบบการนำขยะมูลฝอยจากหลุมฝังกลบมาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้าปริมาณ 3 ล้านตัน เป็นเวลา 23 ปี
"บริษัทพร้อมลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยโครงการนี้ได้รับค่าไฟฟ้าในรูปแบบ FIT ราคาหน่วยละ 5.78 บาท คาดอัตราผลตอบแทน EIRR อยู่ที่ 18-23 % ต่อปี ร่วมผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น"นางกนกทิพย์ กล่าว
ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายในปี 63 จะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจากขยะกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ โดยในช่วงเดือน ม.ค.62 ที่ผ่านมา TPCH ได้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ กทม.มูลค่าราคากลางการลงทุนโครงการละประมาณ 6,700 ล้านบาท ในนาม สยาม พาวเวอร์ และได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ TPCH ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่างประเทศ เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมุ่งเน้นไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV เป็นหลัก
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 61 มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 1,560.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 467.45 ล้านบาท หรือ 42.8% เทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้จากการขายไฟฟ้า 1,092.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 354.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147.29 ล้านบาท หรือ 71.0% เทียบปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 207.36 ล้านบาท
บริษัทมีกำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ครบทั้ง 6 แห่งเต็มไตรมาส ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ (MWE),โรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) ,โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG ) โรงไฟฟ้าชีวมวล พัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์
"งบในปี 61 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของรายได้และกำไร เนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 6 แห่ง บุ๊ครายได้จากการขายไฟเข้าระบบเต็มปี และแนวโน้มในปีนี้คาดว่าจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการที่เราเตรียม COD เพิ่มอีก 3 โครงการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กำลังการผลิตรวมประมาณ 40 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตรอบใหม่ จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น"นายเชิดศักดิ์ กล่าว