บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (IEC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งข้อมูลว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 23 มี.ค.58 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (Biogas Power Plant) จำนวน 1 โครงการ ขนาด 6.0 เมกะวัตต์ โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ถาวรเอ็นเนอร์ยี่ (2013) จำกัด จำนวน 1,250,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของทุนชำระแล้วของบริษัทดังกล่าวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 4 คน ได้แก่ นางวราภรณ์ เพชราวรรณ์, นายพลพิพัฒน์ ศรีสุวรรณ, นายอิทธิเดช ศรีสุวรรณ และนายศรัณย์ อยู่สุข ในราคาซื้อขายหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่าซื้อขายหุ้นรวมทั้งสิ้น 125 ล้านบาท
โดยได้กำหนดเงื่อนไขบังคับก่อนในการทำสัญญาซื้อขายหุ้นและเงื่อนไขในการชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าวไว้ โดยงวดแรกจำนวน 40 ล้านบาท (คิดเป็น 32 % ของมูลค่าซื้อขายหุ้น) นับแต่วันทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยมีเงื่อนไขให้บริษัทฯ เรียกเงินค่าหุ้นที่ชำระแล้วคืนได้ (Refundable) หาก บจก.ถาวรเอ็นเนอร์ยี่ ไม่สามารถได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
บริษัทฯ ได้แจ้งให้ฝ่ายผู้ขายหุ้นและ/หรือ บจก.ถาวรเอ็นเนอร์ยี่ต้องดำเนินการให้ได้มาซึ่ง ร.ง.4, PPA และดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนให้แล้วเสร็จทุกรายการ ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัทฯแล้ว และพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวฝ่ายผู้ขายหุ้นและบจก.ถาวรเอ็นเนอร์ยี่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ บริษัทจึงได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิเรียกเงินมัดจำค่าหุ้นคืนจากฝ่ายผู้ขายตามสัญญาแต่ผู้ขายเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้แก่บริษัทฯ
ต่อมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ฟ้องร้องคดีตามกฎหมายกับผู้ขายทั้ง 4 คนโดยให้ชำระเงินมัดจำค่าซื้อหุ้นบจก.ถาวรเอ็นเนอร์ยี่จำนวน 40 ล้านบาทและค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาท รวมเป็น 50 ล้านบาทพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยอัตรา 15% ต่อปีให้แก่บริษัทฯ ต่อศาลแพ่งเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.780/2561 ตามที่อ้างถึง 1. และ 2. นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มี.ค.62 ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ พ.1281/2562 ให้จำเลยผู้ขายหุ้นชำระหนี้เงินมัดจำจำนวน 40 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีของต้นเงินมัดจำนับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.58 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่บริษัทฯและให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ของค่าเสียหายดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 ต.ค.60 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่บริษัทฯ