บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) อนุมัติเข้าลงทุนในบมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) โดยการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB จำนวน 352,960,736 หุ้น และการซื้อหุ้นเดิมของ PLANB จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม รวมจำนวน 368,843,969 หุ้น รวมเป็นหุ้นของ PLANB ที่จะได้มาทั้งหมดจำนวน 721,804,705 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.59% ในราคาหุ้นละ 6.40 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,619,550,112 บาท
โดยเมื่อวานนี้ บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนกับ PLANB และสัญญาซื้อขายหุ้นเดิมกับนายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ และนายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ ซึ่งเป็นสัญญาแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน โดยการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB และการซื้อขายหุ้นเดิมจะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญาดังกล่าวสำเร็จครบถ้วน หรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นเดิมจะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 27 มี.ค.62
สำหรับการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ PLANB ประกอบด้วย 1. บริษัท แพลน บี อินเวสเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด 2.บริษัท เอ๊าท์ดอร์ มีเดีย อินเวสเม้นท์ จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในฮ่องกง โดยมีนายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100% 3.นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ และ 4.พีที อีลัง มาโคตา เทคโนโลยี ทีบีเค (Emtek) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอินโดนีเซีย โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Emtek ไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ PLANB ที่จะออกและเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 352,960,736 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.09% ในราคาหุ้นละ 6.40 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,258,948,710.40 บาท และจะเข้าซื้อหุ้น PLANB จากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) คิดเป็นสัดส่วน 9.50% ในราคาหุ้นละ 6.40 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,360,601,401.60 บาท โดยการซื้อหุ้นเดิมของ PLANB จะเกิดขึ้นภายหลังธุรกรรมการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB เสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
สำหรับเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินสำหรับการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB และการซื้อหุ้นเดิมของ PLANB จากผู้ขาย ทั้งนี้ เงื่อนไขการกู้ยืมเงินเพื่อมาชำระค่าตอบแทนดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขที่จะกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น และสิทธิของผู้ถือหุ้นของบริษัท
ภายหลังการเข้าถือหุ้นของ VGI ใน PLANB ครั้งนี้ จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ใน PLANB เป็นดังนี้ นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ลดถือหุ้นเหลือ 25.86% จากเดิม 28.45% , VGI ถือหุ้น 18.59% ,บริษัท แพลน บี อินเวสเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด ลดถือหุ้นเหลือ 5.56% จากเดิม 11.30% , นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ ลดถือหุ้นเหลือ 3.62% จากเดิมที่ 7.25% และ CLSA LIMITED ซึ่งเป็นผู้รับฝากและดูแลหุ้น (Custodian) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก Emtek ลดถือหุ้นเหลือ 4.79% จากเดิมที่ 6.92%
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าทำสัญญาความร่วมทางธุรกิจ (Business Collaboration Agreement) กับ PLANB ซึ่งสัญญาดังกล่าวได้กำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างบริษัท กับ PLANB ในการดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยทั้งที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งมีสาระสาคัญ คือ บริษัท และ PLANB จะหารือแนวทางเพื่อนำความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายในธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจอื่น ๆ ที่แต่ละบริษัทมีความชำนาญมาร่วมกันพัฒนาธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยาและสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน
บริษัท และ PLANB จะหารือแนวทางเพื่อจัดหาและบริหารจัดการทรัพยากรสื่อโฆษณาร่วมกัน (Joint Sourcing) เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันยังจะช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) ที่ดีขึ้นและช่วยลดต้นทุนที่ซ้าซ้อนระหว่างกันได้
บริษัท และ PLANB จะหารือแนวทางเพื่อดำเนินการทางการตลาดร่วมกัน เช่น การ Cross-Selling สื่อโฆษณาให้แก่ลูกค้า และ/หรือการซื้อขายสื่อโฆษณาระหว่างกัน นอกจากนี้ บริษัท และ PLANB อาจร่วมนำเสนอสื่อโฆษณาภายใต้แพ็คเกจการขายร่วมกัน เพื่อนำเสนอสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายและครบวงจรยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทเห็นว่าการเข้าซื้อหุ้น PLANB ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเชิงกลยุทธ์ให้กับทั้งสองบริษัทผ่านการรวมเครือข่ายและรูปแบบของสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out of Home Media) โดยความร่วมมือทางธุรกิจดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำคัญต่อบริษัท และผู้ถือหุ้น
ด้าน PLANB แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ อนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 352,960,736 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่ VGI ในอัตราหุ้นละ 6.40 บาท โดยหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ซึ่งความร่วมมือระหว่าง PLANB และ VGI ครั้งนี้จะทำให้สามารถลดต้นทุน และสร้างผลกำไร อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัท
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการขายหุ้นสามัญของบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ให้แก่บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จำนวน 5,080,000 หุ้น คิดเป็น 20% ของทุนชำระแล้วของ BMN ในราคาหุ้นละ 53 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 269,240,000 บาท ซึ่งมีผลทำให้ BMN สิ้นสภาพการเป็นบริษัทร่วมของบริษัท
นายเนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ VGI กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นใน PLANB ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ บริษัทในกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสผลักดันการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างไม่หยุดยั้ง โดยทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดสื่อโฆษณานอกบ้านกว่า 70%
ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งของ 2 ผู้นำตลาดสื่อโฆษณา จะผลักดันให้ทั้งสองบริษัทเป็นผู้นำในตลาดสื่อนอกบ้านของไทย ด้วยกำลังการผลิตสื่อมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ครอบคลุม 77 จังหวัด ทั่วประเทศ และภูมิภาคอาเซียน ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ประโยชน์จากความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่ ๆ มาขับเคลื่อนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยโซลูชั่นทางการตลาดที่ครบวงจร นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาธุรกิจซึ่งนำไปสู่การสร้างรายได้และกำไรโดยรวมในอนาคต
"การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถวัดผลได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในความสำเร็จของธุรกิจโฆษณาในอนาคต เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของเรากับแพลนบีจะช่วยผลักดันให้เราเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรวมการเข้าถึงเนื้อหาดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผนวกกับแหล่งฐานข้อมูลคุณภาพที่โดดเด่นของ VGI ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในเส้นทางการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้นำด้านการสื่อสารการตลาดแบบผสมผสานมาช่วยสนับสนุนการขายของลูกค้าได้ในทุกขั้นตอนของการสื่อสาร ด้วยอีโคซิสเต็ม (ecosystem) ของเรา"นายเนลสัน เหลียง กล่าว
ด้านนายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PLANB กล่าวว่า แพลนบีเล็งเห็นถึงศักยภาพในความร่วมมือของ 2 บริษัทที่จะสร้างความแข็งแกร่งจากศักยภาพที่แต่ละบริษัทมีอยู่และส่งเสริมให้พันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้สามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในการให้บริการสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย โดยใช้ Offline-to-Online (O2O) Solutions O2O Solutions จาก VGI ร่วมกับเครือข่ายสื่อโฆษณาที่มีความหลากหลายอันดับ 1 ของประเทศไทยพร้อมกับคอนเทนต์คุณภาพของแพลนบี ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้จากการร่วมมือกันจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันของสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยเพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากสื่อโฆษณาดั้งเดิม และสื่อโฆษณาออนไลน์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้งแพลนบี และ VGI ยังคงเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดสื่อโฆษณาโดยรวมมูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท อีกทั้งหวังว่าแพลนบี และ VGI จะได้ร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโตในตลาดสื่อโฆษณษาในอาเซียนต่อไป