บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/62 กำไรสุทธิ(ไม่รวมผลจากตามมาตรฐานบัญชีไทยฉบับที่ 15 หรือ TFRS 15) เท่ากับ 7,615 ล้านบาทลดลง 5.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของโครงข่าย รวมทั้งใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11% จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงเล็กน้อย และเมื่อรวมผลจาก TFRS 15 กำไรสุทธิจะอยุ่ที่ 7,570 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 1/2562 เอไอเอสมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 18,906 ล้านบาท คงที่เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าใช้จ่ายโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น ชดเชยด้วยรายได้จากการให้บริการที่เติบโต หากเทียบกับไตรมาสก่อน EBITDA เพิ่มขึ้น 4.6% จากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ รวมทั้งค่าใช้จ่ายโครงข่ายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง อัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 43.1% ตามกรอบที่คาดการณ์ไว้
ในไตรมาส 1/2562 เอไอเอสมีรายได้รวมเท่ากับ 43,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% เทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการโดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และรายได้จากการขายอุปกรณ์ หากเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้รวมลดลงเล็กน้อยที่ 1.7% จากรายได้การขายอุปกรณ์และรายได้ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (IC) ที่ลดลง
ในไตรมาส 1/2562 เอไอเอสมีลูกค้าทั้งสิ้น 41.5 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 0.8% เทียบกับไตรมาสก่อน สนับสนุนด้วยการทาแคมเปญโทรศัพท์มือถือที่ดึงดูดลูกค้า และการย้ายจากระบบเติมเงินมาเป็นระบบรายเดือนที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าระบบรายเดือนเติบโตขึ้น 353,900 เลขหมาย ส่วนฐานลูกค้าระบบเติมเงินลดลงเล็กน้อยที่ 32,400 เลขหมาย
เอไอเอส ไฟเบอร์ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 64,500 ราย เทียบกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 52,300 รายต่อไตรมาสในปี 2561 ส่งผลให้ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งสิ้น 795,000 ราย จากภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง