บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) แจ้งว่า ตามที่คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคม ฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับอัตราค่าผ่านทางที่ถูกต้องตามสัญญา ให้แก่บริษัทฯ (เดิมคือ บมจ. ทางด่วนกรุงเทพ) และ กทพ. ได้ยื่นขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลปกครองกลางนั้น
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกคำร้องของ กทพ. ซึ่งขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลปกครองจะเพิกถอนได้ตามกฎหมาย โดยผลของคำพิพากษานี้ทำให้คาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 มีผลตามกฎหมายผูกพัน กทพ. ให้มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทฯ สรุปดังนี้
1) ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 4,368 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วน ขั้นที่ 2 ของต้นเงินค่าเสียหาย จำนวน 3,776 ล้านบาท คิดเป็นรายวันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่า กทพ. จะชำระเสร็จสิ้น
2) ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางระหว่างอัตราค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับอัตราค่าผ่านทางที่ถูกต้องตามสัญญาโดยคำนวณตามจานวนรถยนต์แต่ละประเภทที่ใช้ทาง เป็นรายวันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป รวมทั้งชำระดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญา ของผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่า กทพ.จะชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัทฯ จนเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ กทพ. สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคาพิพากษา
ข้อพิพาทนี้เป็นส่วนหนึ่งในข้อพิพาทที่มีการเจรจายุติข้อพิพาทกับ กทพ. ซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยยุติข้อพิพาทกับ กทพ.โดยการทบทวนและแก้ไขสัญญาสัมปทาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง กทพ. ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี