บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) แจ้งว่าโครงการโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะเข้าลงทุนนั้น ขณะนี้ได้รับใบอนุญาตต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยคงเหลือเพียงใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (อ.6) คาดว่าจะได้รับภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการและติดตามอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทได้รับอนุมัติจัดตั้ง SUPEREIF แล้ว ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้สามารถเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนได้ต่อเมื่อโครงโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ที่กองทุนฯจะลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิได้รับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว โดยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาแขวงการทางได้มีหนังสือขอเวนคืนที่ดิน ที่เป็นที่ตั้งของโครงการบางส่วนเพื่อทำการก่อสร้างถนน เป็นผลทำให้ต้องมีการปรับพื้นที่ของทั้ง 2 โครงการ บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องยื่นคำขอแก้ไขใบอนุญาตที่สำคัญรวม 5 ฉบับ
โดยล่าสุดทั้ง 2 โครงการ ได้รับใบอนุญาตต่าง ๆ ดังนี้ ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (อ.1) ,ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ,ใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า ,ใบอนุญาตผลิตพลังงานควบคุม (พ.ค.2) ส่วนใบรับรองการก่อสร้างอาคาร (อ.6) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ภายในเดือนมิ.ย.62
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER กล่าวว่า กองทุน SUPEREIF จะลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ มูลค่ากองทุน 8,000 ล้านบาท กองทุนมีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ผูกสัญญายาว 25 ปี ทำให้มีรายได้ที่ชัดเจนและแน่นอน และที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ยังได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีรายได้จากเงินปันผล ในช่วง 10 ปีแรก
ที่ผ่านมา ได้มีการเดินทางไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยในหัวเมืองหลัก กองทุน SUPEREIF ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ คาดการณ์ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 7% เหมาะกับคนที่ต้องการออมในระยะยาว และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว SUPER มีแผนที่จะนำไปใช้สำหรับการคืนหนี้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย และรองรับการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ผลักดันธุรกิจเติบโตต่อไปในอนาคต