(เพิ่มเติม) 7UP ทุ่ม 50 ลบ.เข้าร่วมทุน 2 โครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐ 3 จ.ชายแดนใต้ คาด IRR 15.74%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 26, 2019 11:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.62 มีมติอนุมัติการเข้าร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐ สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยบริษัท เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด ในสัดส่วน 76.92% จากนางสาวสุญาณี สุวรรณยศ เป็นจำนวน 122,266,665 หุ้น จากนายธนภูมิ ปัญญาพฤฒิโชติ จำนวน 8,500,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.3823 บาท คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี่ เป็นบริษัทย่อยของบริษัท เฟอร์รั่ม แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ซึ่งเฟอร์รั่ม แคปปิตอล เป็นบริษัทย่อยของ 7UP ถือหุ้น 99.99%

นอกจากนี้ เฟอร์รั่ม เอ็นเนอร์ยี ต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าเป็นเงิน 152.24 ล้านบาทสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐแม่ลาน และ 150.42 ล้านบาทสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐบันนังสตา โดย อีโค จะทำการเพิ่มทุนในสัดส่วน 20.73% และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในสัดส่วน 79.27% เพื่อดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ

สำหรับ อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ประชารัฐชีวมวล แม่ลาน จำกัด (ถือหุ้น 56%) และบริษัท ประชารัฐชีวมวล บันนังสตา จำกัด (ถือหุ้น 55.33%) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการไฟฟ้าประชารัฐ สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล

คณะกรรมการ 7UP คาดว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานของบริษัทด้านธุรกิจพลังงานทดแทน และมีส่วนช่วยสร้างรายได้และผลกำไรที่แน่นอนให้แก่บริษัทในระยะยาว ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัท และช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจให้มีความหลากหลายและครอบคลุมวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท

และคณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า เงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัท อีโค เอ็นเนอร์ยี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว มีความเกี่ยวพันด้านลูกหนี้ เจ้าหนี้ และรายการอื่นๆ ซึ่งผู้ขายและผู้รับรองจะรับผิดชอบภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มิ.ย.62 และหากเกิดความเสียหายซึ่งมีภาระและค่าใช้จ่ายในอนาคต ผู้ขายและผู้รับรองจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น

นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 7UP กล่าวว่า การซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นโดยเร็ว ภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว บริษัทฯ จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง โดยมีบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เอ็นคอม) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) ร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 40% และรัฐวิสาหกิจชุมชน ร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 10%

ปัจจุบันทางโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) กับกฟภ. เมื่อเดือนมีนาคม 2562 หลังจากนี้จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้สามารถขายไฟเชิงพาณิชย์(COD) ได้ทันตามกำหนด ภายในปี 2563 เบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เงินในการก่อสร้าง 300 ล้านบาทต่อโรง รวมแล้วจะใช้เงินในการก่อสร้าง 600 ล้านบาท

สำหรับแหล่งเงินจะมาจากส่วนทุน 200 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของบริษัทฯเองจะต้องร่วมใส่เงินทุนส่วนนี้ 100 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น และที่เหลืออีก 400 ล้านบาท จะมาจากการกู้เงินกับสถาบันการเงิน

บริษัทฯ คาดว่าโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรง จะสร้างอัตราผลตอบแทนลงทุน(IRR) ที่ 15.74% และเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟ ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากพบว่าอัตราการขายไฟของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง อยู่ในระดับสูงถึง 5.14 บาทต่อหน่วย สูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการขายไฟในพื้นที่ทั่วไป จะอยู่ในช่วง 2-3 บาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความเสี่ยงสูงกว่า

"โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินตามนโยบายของภาครัฐในอันที่จะพัฒนาในส่วนของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีส่วนสนับสนุนช่วยเหลือคนในพื้นที่ให้มีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่เปิดโอกาสให้รัฐวิสาหกิจชุมชนมีส่วนร่วมในการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรง และบริษัทฯ ประเมินว่าภายหลังโครงการลงทุนดังกล่าว จะมีโครงการลงทุนอื่น ๆ ตามมาในพื้นที่ภาคใต้"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร7UP กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ