นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ซุปเปอร์ วอเตอร์ จำกัด (SUPERW) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา จากกลุ่มบุคคลที่เกี่ยงโยงกัน ได้แก่ บริษัท สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย มีชัยไทยแลนด์ จำกัด (MTL) และ บริษัท แอ็ดวานซ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (AAMS) มูลค่าเงินลงทุนจำนวน 129,999,974 บาท
ทั้งนี้ การเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของ SUPERW จะส่งผลให้ บริษัท กิจการร่วมค้า ไทยพานิชนาวา ก่อสร้าง และ แหล่งน้ำไทย จำกัด (JVTPN) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา มีสภาพการเป็นบริษัทย่อยของ SUPER ซึ่ง SUPER จะถือหุ้นทางอ้อมใน JVTPN สัดส่วน 90% อีกด้วย (ทั้งนี้ก่อนการเข้าทำรายการ SUPERW ถือหุ้นใน JVTPN 90%)
SUPERW ดำเนินธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบและน้ำประปาให้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี มีสัญญาซื้อขายน้ำดิบกับ บริษัท อมตะวอเตอร์ อายุสัญญา 25 ปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.86 และจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต โดยมีสัญญาซื้อขายน้ำประปา 3 สัญญา อายุสัญญา 5 ปี สิ้นสุดปี 67 และสัญญาซื้อขายน้ำประปาเพื่อรองรับการให้บริการ ต.กระทู้ (ฝั่งตะวันออก) การประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ต บริษัทเป็นผู้ชนะการเสนอราคาปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำสัญญา
ส่วน JVTPN เป็นผู้จำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่ ต.ชัยมงคล อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่มีสัญญาดำเนินกิจการน้ำเพื่อการอุปโภค ต.ชัยมงคลกับ อบต.ชัยมงคล อายุ 30 ปีสิ้นสุด 5 ก.ค.80 และจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มีสัญญาซื่อขายน้ำกับสำนักงานนิคม 2 ปี สิ้นสุด 30 มิ.ย.63
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า ผลประโยชน์ที่บริษัทฯคาดว่าจะได้รับคือ เป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสในการขยายไปยังธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปีตามการเติบโตของชุมชนและภาคอุตสาหกรรมและเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้มากขึ้น โดยคู่สัญญาของบริษัทในปัจจุบันคือ การประปาส่วนภูมิภาคและบริษัทเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือและมีฐานะการเงินมั่นคง ดังนั้นรายได้ที่จะได้จึงมีความแน่นอนและต่อเนื่องในระยะยาว เพิ่มความหลากหลายในการลงทุนและเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และ เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
"ที่ประชุมคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการเข้าทำรายการดังกล่าว มีความสมเหตุสมผลและจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (EIRR) ในระดับประมาณ 13.33% และยังเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้บริษัทฯสามารถรุกไปสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดี อัตราการเติบโตของทรัพย์สิน ผลกำไร และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว" นายจอมทรัพย์ กล่าว