บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (5 ก.ค.) อนุมัติให้บริษัท โทเทิล อินดัสเตรียล เซอร์วิสเซส จำกัด (TISCOM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ทำการขายหุ้นในบริษัท Bognor Regis Warehouse Limited (Bognor) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นในประเทศอังกฤษ ที่ TISCOM ถือหุ้นในอัตรา 100% โดยขายหุ้นทั้งหมดจำนวนรวม 1,620,000 หุ้น หรือคิดเป็น 100% ของทุนจดทะเบียนของ Bognor ให้แก่บริษัท London & Metric Property Plc หรือบริษัทในเครือ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษ ในราคา 16,750,000 ปอนด์
นอกจากนี้คณะกรรมการ ยังอนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (ที่ดินราชพัสดุฯ) จากกรมธนารักษ์ รวม 2 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 1,335 ไร่ 2 งาน 28.1 ตารางวา เป็นระยะเวลา 50 ปี เพื่อสร้างโอกาสและรองรับการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะยาว โดยมีอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุตลอดอายุสัญญา รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,462.48 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีแนวคิดจะนำสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุฯดังกล่าว มาพัฒนาก่อสร้างโครงการในรูปแบบพาณิชยกรรมแบบผสม อาทิเช่น ศูนย์กระจายสินค้า เขตอุตสาหกรรม และ คลังสินค้า เป็นต้น เพื่อให้เกิดการเกื้อหนุนกันในแต่ละส่วนงาน และใช้ประโยชน์พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีมูลค่าสิทธิการเช่าตลอดระยะเวลา 50 ปี รวมประมาณ 1,462.48 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุฯ เท่ากับ 262.62 ล้านบาท และอัตราค่าเช่ารวมเท่ากับ 1,199.86 ล้านบาท
บริษัทเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของจังหวัดนครพนม และพรมแดนที่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศใกล้เคียงในภูมิภาค ซึ่งได้แก่ ลาว เวียดนาม และ จีน ซึ่งสามารถพัฒนาและยกระดับพื้นที่ดังกล่าวในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมแปรรูปต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศได้ จึงได้มีแนวคิดในการพัฒนาโดยอาศัยการผสมผสานระหว่างจุดแข็งของจังหวัดและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดนครพนมมาปรับใช้
บริษัทคาดว่าการลงทุนในสิทธิการเช่าดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสและรองรับการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในระยะยาวได้
สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ลงทุนในครั้งนี้จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินกิจการ ส่วนในระยะต่อไป บริษัทคาดว่าจะจัดแหล่งเงินลงทุนจากสถาบันการเงิน และ/หรือร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ JCK เปิดเผยว่า การเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ "พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม"กับกรมธนารักษ์ เนื้อที่ประมาณ 1,335 ไร่เศษ เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ที่มีรูปแบบดำเนินโครงการภายใต้วิสัยทัศน์ "สังคมน่าอยู่ ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้" โดยนำยุทธศาสตร์จังหวัดนครพนมมากำหนดบทบาทที่เหมาะสมกับการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมให้สอดคล้องกับสภาพเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามแนวคิดไทยแลนด์ 4.0
โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ (1) ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ (2) เมืองผลิตอาหารปลอดภัย อุตสาหกรรมแปรรูป และศูนย์ธุรกิจค้าส่ง (3) เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย ศูนย์กลางการเชื่อมโยงสู่ภูมิภาค, ส่งเสริมสินค้าทางการเกษตร ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น (OTOP), การเจรจาทางธุรกิจ โดยการจัดตั้งศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ, การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยมีกิจกรรมที่สนับสนุนอาทิเช่น โรงแรม/รีสอร์ท ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม/หัตถกรรม สนามกีฬา เป็นต้น และการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนในชุมชนโดยจัดตั้งโรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ และศูนย์แพทย์แผนไทย
ในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมได้แบ่งกลุ่มพัฒนาออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆได้แก่ กลุ่มที่ 1 พื้นที่สำหรับเมืองวัฒนธรรม กลุ่มที่ 2 พื้นที่สำหรับเป็นศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (Convention Center) กลุ่มที่ 3 พื้นที่สำหรับใช้เป็นศูนย์รวมกีฬาต่างๆ และสันทนาการ (Sport Complex) และกลุ่มที่ 4 พื้นที่สำหรับศูนย์กระจายสินค้าและเขตอุตสาหกรรมทั่วไป
อีกทั้งภายในโครงการยังมีเส้นทางรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ตัดผ่านพื้นที่ในโครงการอันจะสนับสนุนเส้นทางขนส่ง และโลจิสติกส์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภายในโครงการยังจัดพื้นที่รองรับสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และนักลงทุนในพื้นที่ที่จะประสงค์จะเข้าร่วมลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว
บริษัทฯมีแผนการเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ซึ่งจะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มให้แก่ประชาชนในจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง ให้มากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดนครพนมให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ เมื่อได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์แล้ว บริษัทจะเร่งทำการพัฒนาโครงการทันที ซึ่งบริษัทคาดว่าโครงการวันนครพนมนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป