บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท สปริง 26 จำกัด (สปริง) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ ชื่อช่องรายการ SPRING 26 (เดิมชื่อช่องรายการ NOW26) คืนใบอนุญาตฯ
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่สปริงได้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอคืนใบอนุญาตฯ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 และ กสทช. ได้ให้ความเห็นชอบในการคืนใบอนุญาตฯ และเห็นชอบให้ยกเลิกใบอนุญาตฯ โดยกำหนดวันยุติการออกอากาศในวันที่ 16 สิงหาคม 2562 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป อีกทั้งยังได้ให้ความเห็นชอบกำหนดมาตรการเยียวยา โดยให้สปริงประชาสัมพันธ์มาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการตามที่สปริงเสนอเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 45 วันก่อนยุติการออกอากาศ
นอกจากนี้ กสทช. ได้กำหนดค่าชดเชยจากการคืนใบอนุญาตฯ ให้แก่สปริงเป็นจำนวน 890.83 ล้านบาท โดยสปริงจะได้รับค่าชดเชยจากการคืนใบอนุญาตฯ ภายใน 60 วัน นับแต่วันยุติการออกอากาศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสปริงยังมิได้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 4 จำนวน 215.07 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) จนครบถ้วน ดังนั้น ค่าชดเชยอันเนื่องมาจากการคืนใบอนุญาตฯ ที่ได้รับจะถูกหักค่าส่วนที่ยังคงค้างชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ และคงเหลือค่าชดเชยหลังหักค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ 675.76 ล้านบาท
บริษัทมีแผนที่จะนำเงินค่าชดเชยดังกล่าวไปชาระเจ้าหนี้ค่าโครงข่ายค้างจ่าย เจ้าหนี้การค้า ลดภาระหนี้สินระยะสั้น และหนี้สินระยะยาวที่มีหลักประกันกับสถาบันการเงินของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันมีภาระหนี้สินกับทางสถาบันการเงินและเงินกู้ยืมระยะสั้นรวมจำนวน 918 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทอาจนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในธุรกิจหลักที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และสอดคล้องกับนโยบายของบริษัท
การขอคืนใบอนุญาตฯ จะทำให้กลุ่มบริษัทฯ คงเหลือสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเพียงช่องเดียวคือ Nation TV (ช่อง 22) ที่นำเสนอรายการประเภทหมวดหมู่ข่าวสารและสาระ (SD) ทำให้บริษัทสามารถระดมกำลังทรัพยากรภายในกลุ่มบริษัทในด้านต่าง ๆ ให้กับรายการข่าวสารที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท
บริษัทกำหนดวันประชุมสามัญวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 ในวันที่ 6 กันยายน 2562 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว