บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) อนุมัติให้บริษัทจำหน่ายเงินลงทุนที่ถืออยู่ทั้งหมดในหุ้นสามัญของบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ยูเรกาออโตเมชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจออกแบบ ผลิต ประกอบ และติดตั้งเครื่องจักร และบริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ประเทศสิงคโปร์) ดำเนินธุรกิจลงทุนในต่างประเทศ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระรายจ่ายที่สูงมากในบริษัทย่อยที่มีผลขาดทุนสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และได้รับเงินสดเข้ามาเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ และชำระหนี้เงินกู้ยืมจากธนาคารบางส่วน
ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ของบริษัท ยูเรกาออโตเมชั่น จำกัด และ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด และ/หรือ สัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในวันที่ 24 ก.ค.นี้
สำหรับบริษัท ยูเรกาออโตเมชั่น จำกัด UREKA ถือหุ้นอยู่ 99.99996% จะจำหน่ายให้กับนายศุภพน กิตติธนาลักษณ์ มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น จำนวน 29.50 ล้านบาท และบริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ประเทศสิงคโปร์) UREKA ถือหุ้นอยู่ 100% จะจำหน่ายให้กับนายศุภพน กิตติธนาลักษณ์ มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น จำนวน 25.50 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการจำหน่ายหุ้นทั้ง 2 บริษัท จะทำให้สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
การขายหุ้นใน 2 บริษัทย่อย เนื่องจากสภาพโดยรวมของธุรกิจในกลุ่มยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มที่ชะลอการเติบโตลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบริษัทจะได้พยายามเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรม กลุ่มบริษัทยังมีบริษัทย่อยในเครือซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานค่อนข้างสูง มีปัญหาด้านสภาพคล่องของเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทย่อย อีกทั้งยังมีผลขาดทุนสะสมในอดีตอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อบริษัทสามารถจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยดังกล่าวในราคาที่เหมาะสม จึงถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะลดภาระรายจ่ายในบริษัทย่อย
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการขายหุ้นใน 2 บริษัทย่อยมีความสมเหตุผล เนื่องจากเงินลงทุนในบริษัท ยูเรกาออโตเมชั่น จำกัด และ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยังมีผลขาดทุนสะสมอีกเป็นจำนวนมาก และประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง เนื่องจากมีรายจ่ายในการขายและบริหารค่อนข้างสูง อีกทั้งแนวโน้มที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดของยอดขายและรายได้จากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยการจำหน่ายเงินลงทุนของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง จะทำให้บริษัทได้รับเงินสดกลับมาเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการได้จำนวน 55 ล้านบาท