(เพิ่มเติม) ตลท.ย้ายเทรดหุ้น BKD จาก mai มา SET ในหมวดธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตั้งแต่ 26 ก.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2019 10:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ย้ายหลักทรัพย์ บมจ.บางกอก เดค-คอน (BKD) จากเดิมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มาซื้อขายใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.นี้

BKD ประกอบธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในอาคารรวมถึงงานต่อเติมปรับปรุงอาคาร ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ และผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ได้เข้าซื้อขายใน mai ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.56 และต่อมาได้ยื่นคำขอให้ตลท.พิจารณาอนุมัติให้หลักทรัพย์ของ BKD ซื้อขายใน SET ซึ่งตลท.พิจารณาแล้วเห็นว่า BKD มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด เรื่อง การรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2558 ดังนั้น จึงเห็นควรกำหนดให้หลักทรัพย์จดทะเบียนของ BKD จำนวน 1,076,210,468 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวม 538,105,234 บาท ซื้อขายใน SET โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขาย "BKD" เช่นเดิม

นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKD เปิดเผยว่า ตลท.อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ของ BKD เข้ามาซื้อขายใน SET ในวันที่ 26 ก.ค.62 เป็นวันแรก ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและหุ้น BKD ให้เป็นที่รู้จักวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ

"มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของ BKD ณ สิ้นสุดวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 มีมูลค่า 3,034.91 ล้านบาท และมีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ คาดว่าหลังจากที่ย้ายหุ้นมาเทรดที่กระดาน SET จะช่วยลดข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ และทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นในหุ้น BKD มากขึ้น"นางนุชนารถ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายมุ่งเน้นธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

แผนการดำเนินธุรกิจในปีนีบริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับงานทีมีคุณภาพให้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าเน้นปริมาณงาน ช่วงครึ่งปีแรกจะเน้นรับงานภาคเอกชนเป็นหลักสัดส่วนรายได้กว่า 80% โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งจะมีทั้งการตกแต่งใหม่และการปรับปรุง ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือประมาณ 1.2 พันล้านบาท

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ นางนุชนารถ กล่าวต่อว่า ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายในบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตประมาณ 10% โดยหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อย จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้จะเริ่มเห็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งภาครัฐและ เอกชน อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังประเมินว่าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังจะมาจากภาคเอกชน ส่วนปีหน้าก็จะเริมมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ