บมจ.เจตาแบค (GTB) แจ้งว่าได้รับคำสั่งซื้อเครื่องกำเนิดไอน้ำ (Steam Boiler) จำนวน 11 เครื่อง จากลูกค้ารายใหญ่ 3 รายของบริษัท เจตาแบค เวียดนาม (GTV) โดยมีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท มีกำหนดการส่งมอบและรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3/62 เป็นต้นไป
สำหรับลูกค้ารายใหญ่ทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท Vinfast ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Vingroup ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของประเทศเวียดนาม สั่งซื้อ Hot Water Boiler (หม้อต้มน้ำร้อน) , CPV Food Company Limited ที่ได้ลงนามในสัญญาสั่งซื้อเครื่องกำเนิดไอน้ำและเครื่องทำน้ำมันร้อน และ Nestle Vietnam สั่งซื้อเครื่องกำเนิดไอน้ำเพื่อใช้ในโรงงานเช่นกัน
นายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ GTB เปิดเผยว่า การที่ เจตาแบค เวียดนาม ได้รับงานโครงการใหญ่หลายงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้น่าจะมีการรับรู้รายได้สูงขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาสร้างโรงงานผลิตบอยเลอร์อีกแห่งในเวียดนามเพื่อขยายกำลังการผลิตและจำหน่าย โดยในประเทศเวียดนามถือว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวอย่างมากจากการลงทุนจากประเทศต่าง ๆ อีกทั้งมีแรงงานที่มีฝีมือและค่าแรงที่เหมาะสมต่อการลงทุนของบริษัท
ขณะที่บริษัทมีแผนที่จะปรับรูปแบบของการจำหน่ายในหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซียและมาเลเซียตามโมเดลของประเทศเวียดนาม จากนั้นจะทยอยปรับรูปแบบการจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ต่อไป โดยการมีบริษัทย่อยในต่างประเทศนั้นจะทำให้มีความสามารถในการให้บริการ การหาลูกค้า และการทำการตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายในอนาคต
นายสุชาติ กล่าวว่า ตลาดอาเซียนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี รวมถึงในประเทศ ไทย เนื่องจากทุกอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นต้องใช้ Steam Boiler โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งบริษัทพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต พร้อมทั้งขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดแข็งเรื่องการบริการหลังการขายของบริษัทที่ดำเนินการมากว่า 35 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยดีเสมอมา
สำหรับการดำเนินงานในปี 2562 นั้น บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมียอดคำสั่งผลิตใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และบริษัทย่อยในต่างประเทศเข้ามา โดยยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ในการขยายตลาดเพื่อรับงานในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานให้เติบโตได้มากขึ้น