นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปีนี้จะรักษาผลประกอบการให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ 7,015.69 ล้านบาท หลังครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 3,527.75 ล้านบาท แม้จะได้รับปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการส่งออกและการท่องเที่ยวยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีน และประเทศสหรัฐที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จนทำให้หลายฝ่ายปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้ลงต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันด้านสินเชื่อรวมในปีนี้ก็อาจจะทำไม่ได้ตามเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อน ทำให้ปรับลดลงมาเหลือไม่ติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สินเชื่อเติบโตได้เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งมาจากสินเชื่อ"สมหวัง เงินสั่งได้" ซึ่งปีนี้จะขยายสาขาอีก 50 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 263 สาขา
ส่วนมาตรฐานบัญชีใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค 63 ซึ่งปัจจุบันทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ได้สรุปมาตรการที่ชัดเจน โดยเชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/62 โดยการตั้งสำรองจะไม่มากเหมือนแต่ก่อน การตั้งสำรองจะตั้งตามจริง ทำให้ปัจจุบันทยอยลดการตั้งสำรองลง ซึ่งทำให้ในระยะสั้น 2-3 ปีนี้จะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ในระยะยาวอาจส่งผลให้ผลประกอบการมีความผันผวนมากขึ้น
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าสิ้นปีนี้จะไม่ให้เกิน 3% จากปัจจุบัน 3.19% โดยที่ผ่านมา NPL เพิ่มขึ้นจากการที่ลูกค้าผิดนัดชำระและวันหยุดมากขึ้นทำให้การเก็บหนี้ของธนาคารทำได้น้อยลง
ส่วนกรณีที่ธปท. จะออกมาตรการควบคุมหนี้ครัวเรือน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคำนวณสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) นั้น ก็อาจมีผลกระทบเล็กน้อย เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อของบริษัทมีลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่ปัจจุบันก็มีมาตรฐานในการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดอยู่แล้ว