บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) แจ้งว่าบริษัทเตรียมจะนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณายกเลิกการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 0.25 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 เนื่องนายทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถรับจดทะเบียนเปลี่ยนเปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัท จากเดิมหุ้นละ 0.25 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาทได้ เพราะมีเศษของหุ้นสามัญภายหลังการจัดสรรหุ้นปันผลในเดือน พ.ค.62
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร ของ AGE เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 มีรายได้ 1,715 ล้านบาท ลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากธุรกิจขายถ่านหินอยู่ที่ 1,611.3 ล้านบาท และ รายได้จากธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำ และทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า 103.7 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 71.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.5 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรก 62 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,365.3 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณขายถ่านหิน อยู่ที่ 1.45 ล้านตัน ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 151.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 78.6 ล้านบาท จากมาตรการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการลดต้นทุนโลจิสติกส์ทั้งทางบกและทางน้ำจากการใช้บริการของบริษัทในเครือ
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากมาตรการลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การขยายฐานลูกค้าในประเทศ และ รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น"นายพนม กล่าว
นายพนม กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากหลายๆ ด้าน ทั้งปัจจัยเศรษฐกิจ สงครามการค้า และการแข่งขัน แต่บริษัทก็ยังคงรักษาระดับมาตรฐาน รวมถึงยังคงเน้นเจาะตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจุบันบริษัทมียอดออร์เดอร์ถ่านหินที่รอการส่งมอบให้กับลูกค้าแล้วกว่า 1 ล้านตัน
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายการให้บริการในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ ด้านขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้ามากขึ้น โดยได้ดำเนินการสั่งต่อเรือเพิ่มอีก 16 ลำหลังจากได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ทั้งหมดในปี 63 ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนกองเรือลำลียง เพิ่มขึ้นเป็น จำนวน 40 ลำ จากปี 62 ที่มีเรือลำเลียง จำนวน 24 ลำ