DTC เผย H1/62 ขาดทุนรับผลปิดรร.ดุสิตตามคาด H2/62 เพิ่มรายได้จากธุรกิจศึกษา-อาหาร เล็งขายสินทรัพย์เข้า DREIT Q3/62

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 19, 2019 14:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ดุสิตธานี (DTC) แจ้งว่า ในไตรมาส 2 ปี 2562 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท ลดลง 23 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลกระทบจากรายการพิเศษ และธุรกิจที่ลงทุนเพิ่มขึ้นใหม่ หากไม่นับรายการเหล่านี้ บริษัทจะมีผลการดำเนินงานปกติ เพิ่มขึ้น 78 ล้านบาท ผลกระทบหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้คือ การปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ทำให้กำไรลดลง 25 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น โรงแรมดุสิต สวีท ราชดำริ กรุงเทพ บริษัท ดุสิต ฮอสปิตัลลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด มีผลกระทบประมาณ 14 ล้านบาท

และรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากกำไรจากการขายเงินลงทุนเผื่อขายในปีที่แล้วจำนวน 38 ล้านบาท การตั้งสำรองเงินชดเชยที่เพิ่มขึ้นจากเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเงินชดเชยของกฎหมายแรงงาน จำนวน 24 ล้านบาท

กำไรสุทธิสำหรับ 6 เดือนแรก ปี 2562 รายงานผลขาดทุนที่ 22 ล้านบาท ลดลง 252 ล้านบาท มีผลกระทบของการปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ทำให้กำไรลดลง 84 ล้านบาท กำไรจากการขายเงินลงทุนเผื่อขายในปีก่อน 38 ล้านบาท การรับรู้ผลขาดทุนสุทธิจากธุรกิจที่เข้าลงทุนใหม่ 3 ล้านบาท การตั้งสำรองเงินชดเชยที่เพิ่มขึ้นจากเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเงินชดเชยของกฎหมายแรงงาน จำนวน 24 ล้านบาท

หากไม่รวมรายการข้างต้น บริษัทจะมีผลการดำเนินงานปกติ ลดลง 103 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายจำเป็นเพื่อการลงทุนในอนาคต เช่น การจ้างงาน ค่าเช่าสำนักงานชั่วคราว รายจ่ายที่ปรึกษา เพื่อรองรับโครงการใหม่ๆ และดอกเบี้ยจ่าย ทั้งนี้บริษัทได้คาดการณ์ถึงผลกระทบจากการปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ไว้อยู่แล้วว่าจะมีผลประกอบการที่ลดลง จึงได้วางแผนสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมารองรับ ซึ่งจะทยอยสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสถัดๆ ไป

ผลประกอบการโดยรวมในครึ่งแรกของปี 2562 ถูกกดดันจากรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจโรงแรม เนื่องจากการปิดตัวของโรงแรมดุสิต ธานี กรุงเทพ ตั้งแต่ต้นปี และการปิดปรับปรุงห้องพักของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ในไตรมาส 2 ประกอบกับมีผลขาดทุนจากธุรกิจใหม่เนื่องจากอยู่ในระยะเริ่มต้นดำเนินการ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะส่งผลกำไร อย่างไรก็ดีในส่วนของธุรกิจอาหาร บริษัททำได้ดีตามแผนที่วางไว้ทั้งในส่วนของการเติบโตด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไร (EBITDA) จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจการให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่มแก่โรงเรียนนานาชาติ

สำหรับในครึ่งหลังของปี 2562 บริษัทมีมุมมองบวกต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทพอควรจากธุรกิจการศึกษาและธุรกิจอาหาร โดยธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการในครึ่งปีแรกจะเริ่มเห็นรายได้ที่ทยอยเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจอาหาร ในส่วนของการขยายธุรกิจโรงแรมบริษัทยังมีแผนการเปิดโรงแรมอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวในประเทศจะยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีน อังกฤษ และรัสเซีย ทำให้การขยายตัวของรายได้จากธุรกิจโรงแรมมีข้อจำกัด ทั้งนี้บริษัทกำลังพิจารณาประเมินผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงาน (Core revenue) ในปี 2562 ที่เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง

โดยในครึ่งหลังของปี 2562 บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงแรมเพิ่มเติมอีก 5 แห่งที่ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน โดยในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการวิลล่าระดับหรูแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ Elite Havens ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทย่อยนั้นใน ปัจจุบันมีจำนวนวิลล่าภายใต้การบริการจัดการจำนวน 238 แห่ง โดยมีแผนที่จะรับบริหารวิลล่าเพิ่มเติมในตลาดที่บริหารอยู่แล้ว คือ ที่ประเทศญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย รวมทั้งตลาดใหม่ใน ออสเตรเลีย จากครึ่งแรกของปี 2562 บริษัทได้เปิดโรงแรมใหม่ไปแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี มัคตัน เซบู ในประเทศฟิลิปปินส์ โรงแรมดุสิตดีทู ดาเวา ในประเทศฟิลิปปินส์ โรงแรมดุสิต โดฮา ในประเทศกาตาร์ โรงแรมดุสิต สวีท ราชดำริ กรุงเทพ ในประเทศไทย (ภายใต้สัญญาเช่า) และโรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เรสซิเด้นซ์ มารีน่า ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทั้งนี้ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจการศึกษาเพื่อเสริมศักยภาพในการหารายได้โดยการปรับหลักสูตรการศึกษาภาคปกติ (Degree program) ให้สอดคล้องกับความต้องการ ตลอดจนมีการจัดทำหลักสูตรการศึกษาภาคพิเศษ (Non-Degree program) หลักสูตรระยะสั้น (Short course) หรือหลักสูตรแบบต่อเนื่อง (Modular) เพิ่มเติมโดยมุ่งเน้นเสริมสร้างศักยภาพของนักศึกษา และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป ตลอดจนเพิ่มความร่วมมือเพื่อป้อนบุคลากรให้กับธุรกิจโรงแรมของกลุ่ม โดยในไตรมาส 3 บริษัทมีแผนที่จะเปิด Dusit Hospitality Management College (DHMC) ซึ่งจะเป็นวิทยาลัยแห่งแรกในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะบูรณาการการเรียนการสอนเข้ากับการบริหารโรงแรมดุสิต ดีทู เดอะฟอร์ท มะนิลา

ยังคงกระจายการลงทุนและเติบโตในธุรกิจอาหาร บริษัทประกาศขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจอาหารโดยขับเคลื่อนผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด บริษัทตั้งใจวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์อาหารของดุสิตฟู้ดส์ให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี และผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเกษตรกรและชุมชนพื้นถิ่น กลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจอาหารของดุสิต ฟู้ดส์ จะมาจากทั้ง Organic โดยการออกและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอง และ Non-organic คือ การเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในธุรกิจที่สามารถเชื่อมต่อ สร้างคุณค่า และยกระดับเพิ่มมาตรฐานให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิม โดยบริษัทวางเป้าหมายสร้างรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (2562-2564) และในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจอาหารไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทจากการเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ของธุรกิจอาหารจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

รายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจบริการอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจจัดเลี้ยงนอกสถานที่ (Dusit Event) ธุรกิจบริการรับทำความสะอาด (Dusit on Demand) ธุรกิจร้านอาหาร "บ้านดุสิตธานี" และธุรกิจบริการวางแผนการเปิดโรงแรม (Pre-opening)

ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจใหม่ที่ดำเนินการโดยบริษัท ดุสิต ฮอสปิตัลลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ตลอดจนรองรับพนักงานของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ บางส่วนหลังจากปิดโรงแรมไปเมื่อต้นปี ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร"บ้านดุสิตธานี" ในซอยศาลาแดง กรุงเทพ บริษัทได้เปิดให้บริการร้าน Dusit Gourmet ซึ่งเป็นคอฟฟี่ช็อปแล้วในปลายเดือนกรกฎาคม และจะทยอยเปิดตัวร้านอาหารเบญจรงค์ (อาหารไทย) และเธียนดอง (อาหารเวียดนาม) และส่วนต่างๆ ในไตรมาส 3

นอกจากนี้ปรับโครงสร้างทรัพย์สินของบริษัท โดยการขายสินทรัพย์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงการโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ และลงทุนในหน่วยลงทุนเพิ่มทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT) ตามสัดส่วนการถือหน่วยเดิม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2562 การปรับโครงสร้างในครั้งนี้เป็นช่องทางในการระดมเงินทุนเพื่อการขยายกิจการและใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (Mixed-use Project) "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" (Dusit Central Park) ปัจจุบันกำลังเตรียมพร้อมการก่อสร้างตามแผนงานรวมถึงการจัดการเกี่ยวกับใบอนุญาตต่างๆ สำหรับความคืบหน้าทางการตลาด บริษัทได้ปรับแผนการตลาดของโครงการอาคารที่พักอาศัย (Residence) ใหม่ เพื่อแผนการตลาดและการขายที่เหมาะสมและรัดกุม จึงคาดว่าจะเริ่มการขายในช่วงปลายปี 2562 ทั้งนี้บริษัทยังคงมีแผนการเปิดดำเนินการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานในปี 2566 และเปิดอาคารที่พักอาศัยในปี 2567 เช่นเดิม

ส่วนงบลงทุนรวมในปี 2562 คงไว้ที่ 1,140 ล้านบาท ไม่รวมเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ แบ่งออกเป็น งบลงทุนในการปรับปรุงโรงแรม 3 แห่ง (โรงแรมดุสิตธานี พัทยา โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ และ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่) และวิทยาลัยดุสิตธานี รวม 245 ล้านบาท, งบลงทุนในระบบ ERP ซอฟต์แวร์ โรงแรมและการศึกษา จำนวน 245 ล้านบาท และงบลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม ประมาณ 650 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดการณ์สำหรับปี 2562-2564 ซึ่งเป็นช่วงที่สองของแผนกลยุทธ์ 9 ปี "การรับรู้ศักยภาพในการเติบโต" (Realizing Potentials) นั้น บริษัทยังคงมีแผนที่จะเปิดโรงแรมใหม่ภายใต้ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในและต่างประเทศ ปีละประมาณ 10-12 แห่ง ตลอดจนขยายธุรกิจอาหารและธุรกิจการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุน (Capex) ซึ่งไม่รวมการลงทุนใหม่ (New Investment) เฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,000 ล้านบาท และประมาณการ Core EBITDA Margin ในระดับร้อยละ 18-20


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ