บมจ.ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) หรือ CHUO แจ้งว่าได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการยื่นฟ้องบริษัท ชูโอ เซ็นโก แอดเวอร์ไทซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง) ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กรณีผิดสัญญากู้ยืมเงิน โดยชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง เป็นอดีตบริษัทย่อยของบริษัท ทำให้มีการกู้ยืมเงินจากบริษัท และมีหนี้ระหว่างกันเป็นจำนวนมาก
ภายหลังการขายเงินลงทุนทั้งหมดในชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง ทางบริษัท และชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง ได้ลงนามในหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ (Debt Consolidation Agreement) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 โดยสัญญาระบุถึงหนี้ระหว่างบริษัท และชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง หนี้คงค้างอื่น ๆ และหนี้ของบริษัทในเครือของชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง ที่เคยเป็นบริษัทย่อยหรือร่วมของบริษัท รวมเป็นยอดหนี้จำนวนทั้งสิ้น 116,944,940.68 บาท โดยมีการตกลงชำระหนี้ดังกล่าวโดยแบ่งเป็น 5 งวด
โดยงวดที่ 1 ชำระในวันที่ทำสัญญาในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดหรือเท่ากับจำนวน 1,169,449.41 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 1 หรือเท่ากับจำนวน 1,169,449.41 บาท , งวดที่ 2 ชำระภายในวันที่ 30 เมษายน 2561 ในอัตราร้อยละ 24 ของจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดหรือเท่ากับจำนวน 28,066,785.76 บาท
งวดที่ 3 ชำระภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ในอัตราร้อยละ 25 ของจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดหรือเท่ากับจำนวน 29,236,235.17 บาท , งวดที่ 4 ชำระภายในวันที่ 30 เมษายน 2562 ในอัตราร้อยละ 25 ของจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดหรือเท่ากับจำนวน 29,236,235.17 บาท และงวดที่ 5 ชำระภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ในอัตราร้อยละ 25 ของจำนวนยอดหนี้ทั้งหมดหรือเท่ากับจำนวน 29,236,235.17 บาท
ทั้งนี้ ชูโอแอดเวอร์ไทซิ่ง ได้ทำการชำระหนี้งวดที่ 1 ให้แก่บริษัทเป็นจำนวน 2,338,898.82 บาท และทำการชำระบางส่วนของหนี้งวดที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 2,100,000.00 บาทให้แก่บริษัท โดยชูโอแอดเวอร์ไทซิ่งผิดนัดชำระหนี้ตามกำหนดที่เหลือทั้งหมด ทำให้ชูโอแอดเวอร์ไทซิ่งมีหนี้คงค้างกับบริษัท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 113,675,491.27 บาท
ในวันที่ 9 กันยายน 2562 ตัวแทนของบริษัท ได้ทำการยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งบังคับชำระเงินจำนวน 119,793,600.90 บาท (หนี้คงค้างและดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่ร้อยละ 7.5 ต่อปีคำนวณจนถึงวันฟ้อง) พร้อมทั้งดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ และขอให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนบริษัทด้วย โดยศาลรับฟ้องคดีดังกล่าวเป็นคดีดำหมายเลขที่ พ.2183/2562 และกำหนดวันนัดชี้สองสถานและสืบพยานโจทย์ในวันที่ 28 ตุลาคม 2562 เวลา 9.00 น.