บมจ.บีซีพีจี (BCPG) แจ้งว่าเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) บริษัทได้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นทั้ง 100% ใน Nam San 3A Power Sole Co., Ltd. มูลค่าไม่เกิน 174.04 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5,315.18 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการโอนหุ้นแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/62 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 ก.ย.62 ที่อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เพื่อเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว ที่เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว ขนาด 69 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่เดือนม.ค.59 โดยมีอายุสัญญา 27 ปี
สำหรับการเข้าลงทุนดังกล่าวจะดำเนินการผ่านทางบริษัทย่อย คือ บริษัท บีซีพีจี ไบโอเพาเวอร์ 2 จำกัด (BBP2) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% และจะทำการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด ในภายหลัง โดยจะเป็นการซื้อหุ้น Nam San 3A Power Sole จาก Phongsubthavy Roads and Bridges Construction and Irrigation Sole Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนจัดตั้งในลาว ในมูลค่าไม่เกิน 174.04 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ จะแบ่งการชำระออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ในวันที่ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ ชำระไม่เกิน 144.87 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากผู้ขายสามารถเจรจาเรื่องการปรับอัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้สำเร็จ หรือ Nam San 3A สามารถเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ เป็นเหตุให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และส่งผลให้รายได้ของ Nam San 3A เพิ่มสูงขึ้นด้วย รวมถึงปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ตกลงไว้ BBP2 จะชำระราคาซื้อขายหุ้นให้ผู้ขายเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 29.17 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอื่น ๆ ของผู้ขาย ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วอีกด้วย ขณะที่การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำครั้งนี้ นับเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ ช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการของบริษัทในอนาคต และช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ BCPG กล่าวว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในการต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ ที่มีความน่าสนใจ และการขยายฐานธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ไปยังประเทศต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไปยังประเทศลาว จะช่วยทำให้รายได้ของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นการสร้างสมดุลของความหลากหลายของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่สม่ำเสมอขึ้นด้วย จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัท ในการบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เพิ่มเติมจากธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนิเซีย
"บริษัทมั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพิ่มโอกาสในการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าโครงการอื่นที่มีศักยภาพในอนาคต นำมาซึ่งการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทอย่างแน่นอน"นายบัณฑิต กล่าว