SCN หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 10% จากเดิม 30% เหตุยอดขาย NGV ชะลอ ,รัฐสั่งเลื่อนประมูลรถเมล์รอบใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 7, 2019 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้รวมปีนี้เหลือเติบโตที่ 10% จากเดิมคาดเติบโตที่ 30% จากปีก่อนที่ 3,121.28 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณความต้องการใช้เชื้อเพลิง NGV ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังรัฐบาลเปลี่ยนนโยบายประกาศลอยตัวราคา NGV และมาสนับสนุนการใช้น้ำมันดีเซลตรึงราคาไม่เกิน 29.99 บาท/ลิตร เพื่อเป็นเชื้อเพลิงหลักด้านการขนส่งของประเทศ โดยที่ผ่านมาบริษัทปรับลดขนาดในบางส่วนของธุรกิจ NGV ไปบ้างแล้วเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ปลี่ยนนโยบายหลายด้าน ซึ่งมีผลกระทบต่อแผนการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ โครงการประมูลรถเมล์ใหม่ NGV 300 คัน วงเงิน 2,200 ล้านบาท และดีเซล Hybrid 400 คัน วงเงิน 4,800 ล้านบาทขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากเดิมคาดจะเริ่มประมูลตั้งแต่ต้นปี 62 แต่ล่าสุดนำกลับไปทบทวนหลังได้รัฐบาลใหม่ คาดว่าจะเปลี่ยนเป็นโครงการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (EV) แทน ซึ่งบริษัทมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลเช่นกัน เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพ

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้งานโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ NGV ให้แก่ ขสมก.ร่วมกับ บมจ.ช.ทวี (CHO) จำนวน 489 คัน มูลค่ากว่า 1,891 ล้านบาท และทยอยรับรู้รายได้จากสัญญาการดูแลซ่อมบำรุงรักษารถเมล์ NGV มูลค่ากว่า 2,370 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 10 ปี

และรัฐบาลยังประกาศยกเลิกนโยบายบังคับให้ผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะต้องเปลี่ยนมาใช้เป็นรถมินิบัส ซึ่งกระทบกับแผนจำหน่ายรถมินิบัสผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท แพนเทอรา มอเตอร์ส จำกัด จากเดิมที่คาดว่าในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.62 จะมีรถตู้ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้รถมินิบัสกว่า 20,000 คัน อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจของผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะสัดส่วน 70% มีโอกาสเปลี่ยนรถใหม่ ดังนั้น บริษัทมุ่งเน้นขยายงานด้านการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายในอนาคต ล่าสุดเตรียมเปิดตัวรถมินิบัสภายในงาน BUS&TRUCK2019 ในวันที่ 7-9 พ.ย.นี้ด้วย

แม้ว่าภาพรวมรายได้ปรับลดลงจากเป้าเดิม แต่บริษัทมุ่งขยายธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคอุตสาหกรรม (iCNG) โดยปัจจุบันยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดไปสู่การจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับภาคอุตสาหกรรม (iLNG) เพิ่มเติม ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าหลายรายที่มีความสนใจ คาดว่าได้ข้อสรุปเร็วๆนี้

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ธุรกิจก๊าซ NGV มากกว่า 50% ธุรกิจยานยนต์เกือบ 40% ส่วนหลือมาจากธุรกิจขนส่ง พลังงานทดแทน และอื่นๆ สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน โครงการโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ประเทศเมียนมา ขนาดกำลังการผลิตรวม 220 เมกะวัตต์ (MW) โดยเฟส 1 ขนาดกำลังผลิตราว 50 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเอกสารอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าอย่างเป็นทางต่อกระทรวงพลังงานประเทศเมียนมา ถ้าได้รับแล้วก็จะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% หลังจากนั้นบริษัทเตรียมจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้ามินบูอีก 10% เป็น 40% ก่อนจะเริ่มทยอยก่อสร้างเฟสที่ 2, 3 และ 4 ให้แล้วเสร็จต่อไป

ขณะเดียวกัน บริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนโครงการพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้าจากลมในประเทศเวียดนาม เพราะทางการมีแผนสนับสนุนและมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง แต่ต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนของการลงทุนและต้นทุนทางการเงินเป็นสำคัญด้วย

นายฤทธี กล่าวว่า บริษัทยังมองเห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด เพื่อเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรต่างชาติลงทุนในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) และสัญญาเช่าโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปอย่างไม่จำกัดให้กับกลุ่มลูกค้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงแรม เป็นต้น โดยในวันที่ 11 ต.ค.นี้ เตรียมเปิดตัวพันธมิตรและกลุ่มลูกค้าอย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 200 ล้านบาท และมีเป้าหมายทำโซลาร์รูฟท็อปจำนวน 5-10 เมกะวัตต์ และในปี 65 มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 110 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ เชื่อว่าแผนการร่วมลงทุนขยายด้านโซลาร์รูฟท็อปจะเป็นหนึ่งในธุรกิจช่วยผลักดันการเติบโตให้กับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า "แม้ว่าธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปจะมีผู้เล่นจำนวนมาก แต่ถ้าเทียบกับกลุ่มของลูกค้ามีจำนวนมากกว่าเป็นตลาดใหญ่มาก จุดแข็งของเราคือพันธมิตรที่มีศักยภาพด้านการเจรจาหาลูกค้าและงานด้านวิศวกรรมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งพันธมิตรของเรามีชื่อเสียงด้านความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีความมั่นใจว่าโครงการนี้จะเติบโตก้าวสู่ความสำเร็จได้ด้วยดี"นายฤทธี กล่าว สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/62 ที่เตรียมรายงานในช่วงเดือน ต.ค.นี้ มีแนวโน้มทรงตัว แต่ในไตรมาส 4/62 ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่นและเติบโตสูงสุดของปีนี้ เนื่องจากบริษัทเตรียมรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินบางส่วนของบริษัท

https://youtu.be/1fdU1WKKY0s


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ