นายฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ชี้แจงผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ของบริษัท และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,226.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 531.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 76 เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 695.18 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นปรับลดของปี 2550 คิดเป็น 1.41 บาทต่อหุ้น (ปี 2549 : 0.90 บาทต่อหุ้น) มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (Return on shareholders equity) สำหรับปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 22 (ปี 2549 : ร้อยละ 20)
ในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,593.68 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่มีรายได้จำนวน 5,246.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,347.03 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26 เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการขยายสาขาเพิ่มขี้น และรับรู้รายได้จากสาขาเอสพานาดซึ่งเปิดปลายปี 2549 ทำให้รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์เพิ่มขึ้นควบคู่กับธรุกิจให้บริการโฆษณา
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 บริษัทได้จำหน่ายสินทรัพย์ของสาขารัชโยธิน และสาขารังสิต ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF)
ขณะที่ต้นทุนในการขายและบริการปี 2550 จำนวน 3,767.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 524.82 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีต้นทุนฯ 3,242.95 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็นผลมาจากต้นทุนของการขายวีซีดี ดีวีดี และลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เพิ่มขึ้น มีการซื้อสิทธิ์ภาพยนตร์ และสิทธิ์ของ Home Video มากขึ้น ทำให้มีการตัดจ่ายค่าลิขสิทธิ์เหล่านี้เพิ่มขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 1,388.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นจำนวน 279.24 ล้านบาท จากปี 2549 ที่อยู่ในระดับ 1,109.28 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาของบริษัทฯ และเพิ่มขึ้นจากค่าเช่าที่จ่ายให้กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯ (MJLF)
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--