บมจ.อินทัช (INTUCH) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/62 กลุ่มอินทัชมีกำไรสุทธิรวม จำนวน 3,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และ 24% จากไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/61 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายภายในประเทศ ซึ่งดำเนินงานโดยกลุ่ม บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส
กำไรสุทธิรวมสำหรับงวด 9 เดือนของปี 62 มีจำนวน 9,193 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากปีก่อน แม้ว่าส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายภายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ส่วนแบ่งผลการดำเนินงานจากธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจในต่างประเทศลดลง เนื่องจากในในไตรมาส 1/61 มีกำไรจากการขายเงินลงทุนในซีเอสแอล อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนดังกล่าว กำไรสุทธิรวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในกลุ่มเอไอเอส ในไตรมาส 3/62 และงวด 9 เดือนของปี 62 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และงวด 9 เดือนของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากขายและการให้บริการ โดยรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้า และ ARPU ระบบรายเดือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการยกเลิกแพ็กเกจแบบใช้งานดาต้าไม่จำกัด ส่วนรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ว่า ARPU ลดลงจากภาวะการแข่งขันในตลาด สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการ ส่วนใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่าย 4G และการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการขยายโครงข่าย 4G และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์
แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายในการเป็นพันธมิตรกับทีโอทีลดลงจากการลงนามระงับขอ้ พิพาทระหว่างกันในไตรมาสนี้ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหาร โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานจากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษจาก พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่เมื่อไตรมาส 2/62
ส่วนกลุ่ม บมจ.ไทยคม (THCOM) ในไตรมาส 3/62 และสำหรับงวด 9 เดือนของปี 62 มีขาดทุนสุทธิ จำนวน 112 ล้านบาท และ 277 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีขาดทุนสุทธิลดลง 16% จากไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ไตรมาส 3/61 และงวด 9 เดือนของปี 61 มีกำไรสุทธิ จำนวน 105 ล้านบาท และ 2,238 ล้านบาท