ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ IP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน และวันเริ่มทำการซื้อขาย วันที่ 5 พ.ย.62 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "IP" โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 206 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 103 ล้านบาท
ทั้งนี้ IP เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 46 ล้านหุ้น เสนอขายประชาชนทั่วไปทั้งจำนวน กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 7 บาท ระหว่างวันที่ 28-30 ต.ค.62
IP ดำเนินธุรกิจเป็นผู้แทนจำหน่าย และผู้พัฒนา คิดค้น ผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย (Wellness and Anti-Aging Products) ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงาม (Aesthetic Innovation Products) ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยง (Companion Animal Health Products) และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ (Livestock Products)
โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของเจ้าของสินค้ารายอื่น : ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท ประมาณ 60 : 40 ซึ่งบริษัทว่าจ้างโรงงานทั้งในและต่างประเทศผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ ผลิตภัณฑ์ Probac 7 และ Probac 10 เป็นต้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า IP มีมูลค่าระดมทุนจาการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งสิ้น 322 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,442 ล้านบาท มีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ IP เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะเป็นผู้นำในการคิดค้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยในการป้องกันรักษาโรค ช่วยชะลอวัยและมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ซึ่งอยู่ในกระแสที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ตลอดจนรองรับความต้องการของสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) โดยการเข้าจดทะเบียนใน mai ครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
IP มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ถือหุ้น 51.12% การกำหนดราคาเสนอขาย IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ซึ่งกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 7.00 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น P/E ที่ 53.85 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2561-30 มิถุนายน 2562) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 26.66 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.13 บาท
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการ